เรื่องย่อ: Ink Heart

พุธ ๑๔ มกราคม ๒๐๐๙ ๑๕:๑๐
ประเภท แฟนตาซี / ผจญภัย / ครอบครัว

กำกับการแสดง เอียน ซอฟต์ลี่ย์ (The Skeleton Key)

นำแสดง เบรนแดน เฟรเซอร์ (Crash, The Mummy Trilogy, Journey 3D)

พอล เบตตานี่ย์ (A Beautiful Mind, The Da Vinci Code, Wimbledon)

เฮเลน มิเรน (The Queen, National Treasure: The Book of Secret)

แอนดี้ เซอร์คิส (The Lord of The Ring Trilogy, King Kong)

กำหนดฉาย 15 มกราคม ปี 2009

จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ (New Line Cinema)

ดัดแปลงจากวรรณกรรมขายดีของ คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ Inkheart คือภาพยนตร์ผจญภัย/แฟนตาซีของพ่อและลูกสาว ที่ออกค้นหาบางสิ่งบางอย่าง ที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงและในจินตนาการ

แม็กกี้ (อลิซ่า โฮป เบนเน็ต) และพ่อของเธอ มอร์ติเมอร์

(เบรนแดน เฟรเซอร์) หรือที่เธอเรียกสั้นๆว่า โม โดยพวกเขาต่างก็มีความรักให้กับหนังสือ แต่พวกเขาก็ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เหมือนกันที่ แม็กกี้ เองยังไม่รู้ นั้นก็คือเมื่อไรที่พวกเขาหนังสืออ่านออกเสียง ก็จะสามารถในการดึงเอาตัวละครออกมากจากหนังสือ ให้ขึ้นมามีชีวิตในโลกของความจริง แต่มันก็มีอันตราย เมื่อทุกตัวละครที่พวกเขานำขึ้นมาให้มีชีวิตนั้น ก็จะมีคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหายตัวไป

ซึ่งในระหว่างทางที่พวกเขากำลังเดินทางไปที่ร้านหนังสือมือสอง โม ได้ยินเสียงที่เขาไม่ได้ยินมาหลายปี และเมื่อเขาหาต้นตอของเสียงได้แล้ว มันก็ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะมันคือ Inkheart หนังสือที่เล่าถึงโลกในยุคกลาง ที่มีสัตว์ประหลาดนานาพันธ์ที่ทั้งแปลกและน่ากลัว และยังเป็นหนังสือที่เขาได้ออกค้นหา ตั้งแต่ที่ ลีซ่า (เซียนน่า กิลเลอร์รอย) แม่ของ เม็กกี้หายไปตั้งแต่ที่เธออายุเพียงแค่สามชวบ

แต่แผนของ โม ที่จะใช้หนังสือเล่มนี้ช่วย ลีซ่า นั้น ต้องถูกขัดขวางโดย แคปปริคอน (แอนดี้ เซอร์คิส) ซึ่งเป็นผู้ร้ายตัวหลักของ Inkheart ที่เป็นคนลักพาตัว แม็กกี้ และเรียกร้องให้ โม นำตัวละครที่ชั่วร้ายตัวอื่นๆขึ้นมามีชีวิต ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยลูกสาวของเขา และส่งตัวละครเหล่านี้กลับไปในโลกที่พวกมันควรอยู่ โม ก็ได้รวบรวมพลพรรคทั้งที่อยู่ในโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการ เพื่อที่จะได้มุ่งหน้าไปในการผจญภัยอันแสนท้าทาย และจัดการให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง

ดัดแปลงจากวรรณกรรมขายดีของ คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ Inkheart นำแสดงโดย เบรนแดน เฟรเซอร์ (The Mummy, Journey to the Center of the Earth), พอล เบ็ตตานี่ย์ (The Da Vinci Code, A Beautiful Mind), นักแสดงรางวัลออสการ์ เฮเลน มิเรน (The Queen, National Treasure: Book of Secrets), นักแสดงรางวัลออสการ์ จิม บรอดเบน (The Chronicles of Narnia, Harry Potter and the Half-Blood Prince), แอนดี้ เซอร์คิส (The Lord of the Rings Trilogy, King Kong), อลิซ่า โฮป เบนเน็ต (Nanny McPhee) และ ราฟี่ กาฟรอน (Breaking and Entering)

นี้คือภาพยนตร์จากค่าย New Line Cinema โดย Inkheart เป็นผลงานการกำกับของ เอียน ซอฟต์ลี่ย์ (The Skeleton Key, The Wings of the Dove) จากบทภาพยนตร์ของ เดวิด ลินด์เซย์ อแบร์ (Robots) อำนวยการสร้างโดย เอียน ซอฟต์ลี่ย์, ไดอาน่า โพคอร์นี่ย์ และ คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ และดูแลการสร้างโดย โทบี้ เอมเมอริส, มาร์ค ออร์เดสกี้ และ ไอลีน ไมเซล

ทีมงานการสร้างประกอบไปด้วย ผู้กำกับภาพที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ โรเจอร์ แพล็ต (Harry Potter and the Goblet of Fire, The End of the Affair), ผู้ออกแบบการสร้าง จอห์น เบียร์ด (The History Boys), ผู้ตัดต่อภาพรางวัลออสการ์ มาร์ติน วอทล์ (V for Vendetta, Chicago), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งการ วาลิตี้ ฮอร์ค (Snatch) และผู้ประพันธ์เพลงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ฮาเวียร์ นาวาเร็ท (Pan’s Labyrinth)

Production

นี้เป็นการผจญภัยของสาวน้อยที่มีชื่อว่า แม็คกี้ ฟอลชาร์ท และ มอร์ติเมอร์ พ่อผู้กล้าหาญของเธอ พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อช่วยโลกให้พ้นจากความชั่วร้าย ที่มาจากโลกแห่งจินตนาการ จากวรรณกรรมเรื่อง Inkheart ของ คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปี 2003 โดยเปิดตัวขายในอันดับเก้าในอันดับหนังสือขายดีของ The New York Times และถูกแปลมากกว่า 20 ภาษาทั่วโลก โดยนี้เป็นหนังสือเล่มแรกของไตรภาค Inkworld ของฟุงเค่อ ซึ่งตามมาด้วย Inkspell ที่ถูกวางขายในปี 2005 และเล่มล่าสุด Inkdeath โดย ฟุงเค่อ นั้นได้เขียนหนังสือมาแล้วกว่าสี่สิบเล่มในระยะเวลาสิบห้าปี รวมถึงวรรณกรรมที่ฮิตไปทั่วโลกอย่าง The Thief Lord โดยเธอก็ยังเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปี 2005 อีกด้วย

ผู้อำนวยการสร้าง ไดอาน่า โพคอร์นี่ย์ รู้ว่าวรรณกรรมเรื่องนี้มีอิทธิพลแค่ไหนในหมู่เยาวชน "ลูกสาวของฉันทั้งสองคนเป็นนักอ่านที่กระตือรือล้น ซึ่งหนังสือที่ลูกสาวคนโตของฉันชอบที่สุดก็คือ Inkheart นั้นเอง เธอรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหนังสือชุดนี้และพูดถึงมันตลอดเวลา มันจึงเป็นเเหมือนโชคชะตาที่ทำให้ฉันได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ แน่นอนที่ในถานะที่ตัวเองเป็นผู้อำนวยการสร้าง และแม่ของแฟนพันธุ์แท้ของหนังสือทั้งสองคน มันก็เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่ได้เห็นสิ่งต่างๆที่ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือ เกิดมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ"

ภาพยนตร์เรื่อง Inkheart ถูกกำกับโดย ซอฟต์ลี่ย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย โดย คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ ก็ยังเป็นอีกคนหนึ่งที่รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ได้พูดถึง ซอฟต์ลี่ย์ ว่าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการรับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ "The Wing of Dove เป็นภาพยนตร์เรื่องโปรดของฉัน เป็นการดัดแปลงจากหนังสือมาเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ฉันเคยรับชมมา และเมื่อฉันได้ยินว่าเขาสนใจที่จะกำกับ Inkheart ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นมาก"

ซึ่งก็เป็นวิสัยทัศน์ของผู้กำกับนี้เอง ที่ทำให้ ฟุงเค่อ รู้สึกเชื่อมั่นในฝีมือ "ฉันวางใจว่าเขาจะสามารถนำ ประเทศอิตาลี ขึ้นสู่จอภาพยนตร์ได้อย่างที่ฉันจินตนาการเอาไว้ มันไม่เหมือนกับรูปในโปสการ์ด แต่มันจะเหมือนกัยสถานที่ที่ดูสมจริงและสวยงามในเวลาเดียวกัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่ลดความมืดมิดของเนื้อเรื่องในหนังสือ แต่จะเพิ่มความอบอุ่นเข้าไปอีกด้วย เขาเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับที่ยอดเยี่ยม และเขายังเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทั้งในเรื่องของธีมหนังและการเลือกใช้สีในภาพยนตร์ ฉันไม่คิดว่าใครจะเหมาะสมในการกำกับ Inkheart เท่ากับเขาแล้ว"

ซอฟต์ลี่ย์ ได้กล่าวถึงมุมมองที่เขามีต่อวัตถุดิบที่เขามีอยู่ในมือว่า “Inkheart เป็นเรื่องราวของเวทย์มนต์ที่เสมือนจริง และเปี่ยมไปด้วยความน่าอัศจรรย์ ที่ขยายครอบคลุมเข้าไปในชีวิตประจำวันของทุกคน ด้วยเนื้อเรื่องหลักที่ทั้งจับใจและให้อารมณ์ร่วม ผมว่า คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ ได้มอบผลงานที่สามารถดัดแปลงให้เป็นภาพยนตร์ได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะว่าการเล่าเรื่องของเธอในวรรณกรรมนั้น สามารถทำให้เราสัมผัสและเข้าถึงโลกใบใหม่นี้ได้อย่างรวดเร็ว”

เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ ฟุงเค่อ ได้จินตนาการถึง เบรนแดน เฟรเซอร์ เมื่อเธอเริ่มสร้างตัวละครนำที่ชื่อ มอร์ติเมอร์ "โม" ฟอลชาร์ท บุรุษที่มีความสามารถพิเศษในการดึงเอาตัวละครที่อยู่ในหนังสือให้ขึ้นมามีชีวิต "เบรนแดนเ ป็นคนจุดประกายตัวละครตัวนี้ตั้งแต่เริ่มแรก โม มีทั้งใบหน้าที่หล่อเหลาและน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น ซึ่งแน่นอนว่ามันสำคัญต่อตัวละครตัวนี้ เพราะเขาเป็นเหมือนไกด์ที่จะผู้อ่านเข้าสู่ Inkworld” โดย ซอฟต์ลี่ย์ นั้น ก็เห็นด้วยกับการที่ ฟุงเค่อ สร้างตัวเอกของเธอให้มีลักษณะในแบบที่เป็นอยู่นี้ "เบรนแดน เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ โม ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับ คอร์เนเลีย เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น แต่ก็ยังมีด้านที่อ่อนไหวซ่อนอยู่”

ฟุงเค่อ กล่าวเสริมว่า "ฉันคิดว่า โม มีทั้งด้านที่เศร้าหมองและด้านที่ดูสบายๆ ซึ่ง เบรนแดน เองก็ดูเหมือนจะมีมันทั้งสองอย่าง ฉันต้องการให้ โม สามารถเป็นได้ทั้งคนเข้าเล่มหนังสือปกติธรรมดา และใครบางคนที่ทำให้คุณเชื่อได้ว่าเขาสามารถต่อสู้กับวายร้ายจากโลกในนวนิยายได้ โดยเขายังต้องเป็นพ่อที่ดูมีอายุไม่มากจนเกินไป ที่บางทีต้องแลกหน้าที่กับลูกสาวของเขา เพราะเธอต้องดูแลเขาในบางสถานการณ์"

อลิซ่า โฮป เบนเน็ท แสดงเป็น แม็กกี้ สาวน้อยที่ได้รับถ่ายทอดความสามารถจากพ่อของเธอ โดย ซอฟต์ลี่ย์ ก็ได้ชื่นชมถึงนักแสดงวัยรุ่นของเขาว่า "อลิซ่า สามารถสวมบทบาท และถ่ายทอดจิตวิญญาณ, ความฉลาด และความอบอุ่นที่ทำให้ แม็กกี้ ดูเหมือนมีตัวตนจริงขึ้นมา เธอมีระดับทางอารมณ์ที่หลากหลายและทัศนคติทางการแสดงที่เป็นธรรมชาติ เธอมีทั้งอารมณ์ขันและไหวพริบ จนไปถึงการแสดงความโกรธและความเศร้าออกมาได้อย่างสมจริง”

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับ เบนเน็ท เพราะเธอคือตัวละครที่ต้องอยู่บนจอภาพยนตร์มากที่สุด แต่เธอก็สามารถรับมือกับมันได้อย่างน่าพึงพอใจ โพคอร์นี่ย์ ได้พูดถึงเธอว่า "ถ้าพูดถึงนักแสดงเด็ก เราก็อาจจะกลัวว่าพวกเขาอาจจะไม่มีความสามารถ และความเข้มแข็งทางอารมณ์พอที่จะแบกรับน้ำหนักของทั้งเรื่องเอาไว้ได้ แต่ อลิซ่า เป็นเด็กที่พิเศษจริงๆ ไม่เพียงแต่เธอสามารถตามจังหวะของนักแสดงร่วมจอที่มีประสบการณ์ได้ เธอยังฉายแววและพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเองจะกลายเป็นมืออาชีพที่มีอนาคตอีกด้วย

นี้อาจจะเป็นการประกาศรายชื่อนักแสดงที่สำคัญที่สุด นั้นก็คือการได้ เฮเลน มิเรน มารับบทเป็นป้าของ แม็คกี้ ที่ชื่อ เอลีนอร์ โดย โพคอร์นี่ย์ ได้เล่าถึงความตื่นเต้นที่ได้นักแสดงที่มากประสบการณ์เช่นนี้ว่า "เฮเลน มิเรน เป็นนักแสดงที่น่าทึ่งมาก และด้วยความสำเร็จที่เธอได้รับจาก The Queen ก็ทำให้พวกเรากังวลว่า เธออาจจะไม่มีเวลาว่างพอ แต่กลายเป็นว่า เธอชอบบทภาพยนตร์ และมีไอเดียที่ดีสำหรับตัวละครที่เธอถูกเลือกให้เล่น พวกเราโชคดีที่ได้เธอมาร่วมงาน ตอนนี้เราไม่สามารถคิดถึงใครได้อีกแล้วที่จะมารับบทนี้นอกจากเธอ"

กลุ่มนักแสดงหลักของ Inkheart ยังรวมไปถึงนักแสดงจากเกาะอังกฤษสามคน นั้นก็คือ จิม บรอดเบน แสดงเป็น เฟน็อคบิโอ นักเขียนหนังสือที่อยู่ในหนังสือ Inkheart, แอนดี้ เซอร์คิส แสดงเป็น แคปปริคอน ที่ร้ายกาจ เป็นตัวละครที่อยู่ในหนังสือที่ถูกดึงให้มีชีวิตขึ้นมา โดยเขาก็มีแผนที่จะนำพรรคพวกที่อยู่ในหนังสือขึ้นมาร่วมกันครองโลก และ พอล เบ็ตตานี่ แสดงเป็น ดัสท์ฟิงเกอร์ อีกหนึ่งตัวละครที่อยู่ในหนังสือ Inkheart ที่คิดถึงบ้านและอยากกลับไปอยู่ในหนังสือ ซึ่งก็ทำให้เขาตัดสินใจช่วย โม และ แม็กกี้ เพื่อจัดการกับ แคปปริคอน โดยยังมีนักแสดงหน้าใหม่อย่าง ราฟิ กาฟรอน ที่แสดงเป็น ฟาริด วันรุ่นที่หนีออกมาจากวรรณกรรมคลาสสิคเรื่อง 1001 Arabian Nights

Inkheart ถ่ายทำนอกสถานที่ใน แคว้นลิกูเรีย ประเทศอิตาลี ก่อนที่จะย้ายไปถ่ายทำใน โรงถ่ายเชฟเพอร์ตัน ประเทศอังกฤษ

ซอฟต์ลี่ย์ กล่าวว่า "ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ในที่ที่มันควรอยู่ เพราะเมื่อผมอ่านหนังสือและพบว่ามันตั้งอยู่ใน แคว้นลิกูเรีย ที่ซึ่งเป็นที่ คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ อาศัยในช่วงที่เธอเขียนหนังสือเล่มนี้ หลังจากการสำรวจสถานที่ที่จะใช้ในการถ่ายทำ พวกเราก็พบว่าสภาพภูมิศาสตร์ในแคว้นนี้มีความหลากหลายมาก มันมีการผสมผสานระหว่างหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา และเมืองที่เรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง ซึ่งทำให้พวกเราได้ถ่ายทำฉากนอกสถานที่ได้ตามที่ต้องการและครบสมบูรณ์

ฟุงเค่อ เล่าว่า "ฉันจะไม่มีวันลืมส่วนผสมที่แปลกแต่ลงตัวของชีวิตสมัยใหม่และชีวิตในยุคกลาง ซึ่งคุณจะสามารถพบมันได้ใน อิตาลี มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับฉัน และไอเดียสำหรับเรื่อง Inkheart ก็เติบโตขึ้นในใจฉัน ฉันคิดว่ามันไม่มีที่อื่นอีกที่สามารถเป็นสถานที่เกิดเรื่องได้ คุณจะเห็นได้ว่า แคปปริคอน ได้ซ่อนเมืองที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้อยู่ในภูเขา เพราะมันมีอยู่จริงๆ และที่สำคัญที่สุด มันยังเป็นโอกาสที่ทำให้ฉันได้เขียนจดหมายรักให้กับแคว้นนี้"

ฟุงเค่อ ได้มาเยี่ยมกองถ่ายในหลายโอกาส และ ซอฟต์ลี่ย์ ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า "การที่ คอร์เนเลีย มาเยี่ยม มันเป็นเรื่องที่วิเศษสำหรับพวกเรา เธอเป็นคนที่มีความกระตือรือล้นในโปรเจ็คนี้มาก พวกเรามีการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในบทภาพยนตร์ แต่เธอก็เป็นคนเปิดรับในเรื่องการตีความใหม่ และยังช่วยเหลือเราในทุกๆด้าน คุณจะเห็นได้จากใบหน้าของเธอว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นตัวละครที่เธอสร้างมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

สำหรับ ฟุงเค่อ แล้ว การได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำ "ถึงแม้ว่าฉันจะมีอาชีพเป็นนักเขียน แต่มันก็ยากที่จะหาคำมาบรรยายในประสบการณ์ที่ฉันได้รับเช่นนี้ มันทั้งน่าตื่นเต้น, เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง และฉันจะไม่มีวันลืมเลือน ฉันมีความรู้สึกเหมือน เฟร็อคลิโอ ที่เพิ่งออกมาจากโลกที่ตัวเองคุ้นเคย มาพบกับสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบ เช่นในกองถ่ายที่ ลิกูเรีย ฉันถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าลูกสมุน Black Jacket ของ แคปปริคอน หรือเมื่อฉันเดินเข้าไปใน โรงถ่ายเชฟเพอร์ตัน และเห็น ดัสท์ฟิงเกอร์ ยืนอยู่กลางสายฝน ฉันคิดว่าจินตนาการและความจริงมันก็ถูกหลอมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะสิ่งที่ฉันเห็นมันใกล้เคียงกับภาพที่อยู่ในหัวของฉัน ฉันสงสัยว่า ทั้ง เอียน ซอฟต์ลี่ย์ , จอห์น เบียร์ด, โรเจอร์ แพล็ต และเหล่าทีมงานที่มีพรสวรรค์คงค้นพบประตูลับ ที่นำเข้าไปสู่จินตนาการในหัวของฉัน ซึ่งบางอย่างก็ก้าวล้ำไปกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก นักเขียนหนังสือไม่เคยเห็นโลกของตัวเองในรายละเอียดที่ซับซ้อนขนาดนี้ ฉันไม่รู้ว่าห้องที่ แคปปริคอน อยู่มีหน้าตาเป็นอย่างไร หรือรูปภาพอะไรที่แขวนอยู่บนผนังของห้อง เอลินอร์ ตอนนี้ฉันรู้แล้ว มันเป็นของขวัญที่เหล่าศิลปินมอบให้กับนักเขียนธรรมดาอย่างฉัน

แนะนำทีมงานนักแสดง

เบรนแดน เฟรเซอร์ (รับบทเป็น โม ฟอลชาร์ท)

เขาเพิ่งจะมีผลงานทางการแสดงเรื่อง Journey to the Center of the Earth ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก ที่ถ่ายทำกันด้วยระบบดิจิตอล 3D โดยเขายังแสดงนำใน The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor ที่เป็นภาคที่สามของซีรี่ย์ ซึ่งทั้งสามภาคนั้น กวาดทำรายได้ทั่วโลกรวมกันถึงหนึ่งพันล้านเหรีญสหรัฐ

เขายังได้แสดงในภาพยนตร์อินดี้หลายเรื่องในทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Crash ของผู้กำกับ พอล แฮ็คกิส (Paul Haggins) นอกจากนั้นเขาก็ยังแสดงใน The Quite American ของ ฟิลลิป นอยส์ (Phillip Noyce) ที่ร่วมแสดงโดย ไมเคิค เคน (Michael Caine) ที่มาจากนวนิยายขายดีของ เกรแฮม กรีน (Graham Greene) และ Gods and Monsters ของ บิล คอนดอน (Bill Condon) ที่นำแสดงโดย เซอร์ เอียน แม็คเคนแลน (Sir Ian McKellen) และ ลิน เรดเกรฟ (Lynn Redgrave) โดย เฟรเซอร์ นั้นยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ชื่อ The Air I Breathe ที่อุดมไปด้วยดาราชื่อดังมากมาย เช่น ฟอเรสท์ วิทเทคเกอร์ (Forest Whitaker), แอนดี้ การ์เซีย (Andy Garcia), ซาร่าห์ มิเชล เกลล่า (Sarah Michelle Gellar), จูลี่ เดลฟี่ย์ (Julie Delpy), อีไมน์ เฮิรสต์ (Emile Hirsch) และ เควิน เบคอน (Kevin Bacon)

ผลงานก่อนหน้านี้ เขาก็ยังมีหนังตลกสุดฮิตเรื่อง George of the Jungle และ Looney Tunes: Back in Action ของผู้กำกับ โจ ดังเต้ (Joe Dante), Bedazzled ของ ฮาโรลด์ รามิส (Harold Ramis), Blast From the Past ที่แสดงร่วมกับ อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน (Alicia Silverstone), คริสโตเฟอร์ วอลเค่น (Christopher Walken) และ ซิสซี่ สปาเซ็ค (Sissy Spacek) รวมถึงภาพยนตร์ตลกสุดฮิตเรื่อง Encino Man ที่เป็นผลงานการแสดงชิ้นแรกของเขาอีกด้วย

พอล เบตตานี่ย์ (รับบทเป็น ดัสท์ฟิงเกอร์)

เป็นนักแสดงที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์หลายๆเรื่อง รวมถึงการแสดงในภาพยนตร์ของ รอน โฮเวิร์ด (Ron Howard) ทั้ง The Di Vinci Code ที่นำแสดงโดย ทอม แฮ้งส์ (Tom Hanks) และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีของออสการ์เรื่อง A Beautiful Mind ที่นำแสดงโดย รัสเซล โครว์ (Russell Crowe) โดยเขายังได้กลับมาร่วมแสดงกับ โครว์ อีกครั้งในเรื่อง Master and Commander: The Far Side of the World ที่กำกับโดย ปีเตอร์ เวียร์ (Peter Weir) ซึ่งจากผลงานที่เขาแสดงในเรื่องนี้นั้น ทำให้เขาได้รับรางวัล London Film Critics Circle Award สาขานักแสดงชาวอังกฤษยอดเยี่ยม รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA และ Critics’ Choice Award ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม

เบตตานี่ย์ เคยได้รับรางวัล London Film Critics Circle Award จากภาพยนตร์เรื่อง A Knight’s Tale ที่นำแสดงโดย ฮีธ เล็คเจอร์ (Heath Ledger) และยังเคยถูกเสนอเข้าชิงรางวัล British Independent Film Award และ London Film Critics Circle Award สาขานักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากเรื่อง Gangster No.1 กำกับโดย พอล แม็คกุยแกน (Paul McGuigan) ที่ร่วมแสดงโดย มัลคอล์ม แม็คดาวเวล (Malcolm McDowell), เดวิด ทิวลิส (David Thewlis) และ แซฟฟรอน เบอร์โรว์ส (Saffron Burrows)

ผลงานเรื่องอื่นๆของเขาก็ยังมี Robert Louis Stevenson’s The Game of Death ร่วมแสดงโดย โจนาธาน ไพรส์ (Jonathan Pryce) และ เดวิด มอร์ริสเซ่ย์ (David Morrissey), Wimbledon ที่เขาแสดงร่วมกับ เคิร์สเตน ดันสต์ (Kirsten Dunst), Firewall ที่นำแสดงโดย แฮริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) และ เวอร์จิเนีย แมดเซน (Virginia Madsen) โดยภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ The Secret Life of Bees ที่นำแสดงโดย ควีน ลาร์ติฟาห์ (Queen Latifah), ดาโกต้า แฟนนิ่ง (Dakota Fanning) และ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน (Jennifer Hudson)

เฮเลน มิเรน (รับบทเป็น เอลินอร์ ลอเรแดน)

เป็นนักแสดงที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากที่สุด ด้วยความสามารถในการแสดงทั้งในภาพยนตร์, โทรทัศน์ และละครเวที เธอเป็นที่ยอมรับด้วยการรับบทที่ท้าทายหลายเรื่อง และรวมถึงการแสดงที่ดูหลากหลาย จนในที่สุด The Queen ก็เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิง

อาชีพนักแสดงของเธอเริ่มต้นด้วย Age of Consent ของ ไมเคิล พาว์เวล (Michael Powell) แต่ผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือ The Long Good Friday ของ จอห์น แม็คเคนซี่ย์ (John Mackenzie) นอกจากนั้นเธอยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Excalibur ของ จอห์น บัวร์แมน (John Boorman) และ Cal ของ นีล จอร์แดน (Neil Jordan) ที่ทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Cannes Film Festival โดยเธอยังมีผลงานเรื่องอื่นๆอีกเช่น The Mosquito Coast ของ ปีเตอร์ เวียร์, The Cook, the Thief, His Wife and Her Lover ของ ปีเตอร์ กรีนอเวย์ (Peter Greenaway) และ Some Mother's Son ของ เทอรี่ จอร์จ (Terry George) ที่เธอยังทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้างอีกด้วย

เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกจากเรื่อง The Madness of King George และครั้งที่สองจากเรื่อง Gosford Park ของ โรเบิร์ต อัลท์แมน (Robert Altman) ผลงานช่วงหลังของเธอก็มีอย่าง Calendar Girls, The Clearing และ Shadowboxer แต่ผลงานที่สร้างชื่อที่สุด นั้นคือคือการรับบทเป็น พระนางเจ้าอลิซาเบธที่สอง ในภาพยนตร์เรื่อง The Queen ของ สตีเฟ่น เฟรียร์ส (Stephen Frears) ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รวมถึง Golden Globe Award, a BAFTA Award, a Screen Actors Guild Award และรวมถึงรางวัลอื่นๆอีกมากมาย

ผลงานที่กำลังจะเข้าฉายของเธอ ก็ยังมี State of Play, The Last Station, และ Love Ranch ที่กำกับโดยสามีของเธอ เทอรี่ แฮ็คฟอร์ด (Taylor Hackford)|

จิม บรอดเบน (รับบทเป็น เฟน็อคลิโอ)

นักแสดงประสบการณ์สูงชาวอังกฤษ ที่ภาพยนตร์สามเรื่องที่ถูกฉายในปี 2001 ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทั้ง Bridget Jones’s Diary, Moulin Rouge ของ บาธ เลอร์แมน (Baz Luhrmann) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยมจาก BAFTA และภาพยนตร์เรื่อง Iris ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Golden Globe Award และรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดยเขาเพิ่งมีผลงานที่ผ่านตาเราไปในเรื่อง Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ของ สตีเว่น สปีลเบิร์ค (Steven Spielberg) และยังจะมีผลงานอีกสองเรื่องคือ Harry Potter and the Half-Blood Prince และ Young Victoria

บรอดเบน ได้ศึกษาใน London Academy of Music and Dramatic Art และได้แสดงละครเวทีที่ Royal National Theatre และ The Royal Shakespeare Company โดยเขายังมีผลงานทางโทรทัศน์อีกเป็นระยะ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Longford ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล BAFTA ในสาขานักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม

แอนดี้ เซอร์คิส (รับบทเป็น แคปปริคอน)

เป็นนักแสดงที่เป็นที่รู้จักจากบทบาท กอลลั่ม ในไตรภาคเรื่องเยี่ยมของผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน (Peter Jackson) เรื่อง The Lord of the Rings ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่มาจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยเขายังแสดงถึงความสามารถในภาพยนตร์เรื่องต่อมาของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ด้วยการรับบทเป็นคิงคองในเรื่อง King Kong โดยเขายังมีผลงานเรื่องอื่นๆอย่างเช่น The Prestige, The Cottage, 24 Hour Party People, และ Topsy-Turvy ของ ไมค์ ลีห์ (Mike Leigh)

ด้านทีวีของเขายังมี Longford ที่เขาเล่นเป็นฆาตกรโรคจิต เอียน เบรดี้ ที่ทำให้เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Globe และ BAFTA ในสาขานักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยม โดยเขายังแสดงนำใน The Jump และ Finney โดยเขาจะมีผลงานล่าสุดซึ่งเป็นการสร้างของ BBC/HBO เรื่อง Einstein and Eddington โดยเขาได้รับบทเป็น อัลเบิร์ต ไอนสไตน์

อลิซ่า โฮป เบนเน็ต (รับบทเป็น แม็กกี้ ฟอลชาร์ท)

เธอจะมีผลงานชิ้นล่าสุดเรื่อง From Time to Time นำแสดงโดย แม็คกี้ สมิธ (Maggie Smith) และกำกับโดย จูเลี่ยน เฟลโลว์ (Julian Fellowes) โดยก่อนหน้านี้ เธอยังมีผลงานการแสดงในเรื่อง Nanny McPhee ที่นำแสดงโดย เอมม่า ธอมป์สัน (Emma Thompson) และ โคลิน เฟิร์ธ (Colin Firth) เธอได้แสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในเรื่อง The Prince and Me ของ มาร์ธา คูลลิธท์ (Martha Coolidge) ซึ่งนำแสดงโดย เจมส์ ฟ๊อกส์ (James Fox) และ จูเลีย สไตล์ (Julia Stiles)

เบนเน็ต ได้แสดงบนเวที โดยเธอเล่นเป็น เจมิน่า เรื่อง Chitty Chitty Bang Bang ในโรงละคร London Palladium และเรื่อง The Little Rabbit Habbit ที่เธอแสดงบน Jelly Beanz Theatre Company

แนะนำทีมงานสร้าง

เอียน ซอฟต์ลี่ย์ (ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง)

ผู้กำกับชาวอังกฤษที่สำเร็จการศึกษามาจาก มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และเริ่มการทำงานในสายจากการเป็นลูกทีมในทีมงานสารคดีของ BBC จนในที่สุด เขาก็ได้รับโอกาสในการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Backbeat ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก โดย Backbeat เป็นเรื่องของวงดนตรี The Beatles ในยุคแรกเริ่ม ที่ยังมีสมาชิควงที่ชื่อ สตู ซัทคลิฟท์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัล BAFTA สาขาภาพยนตร์อังกฤษยอดเยี่ยม และก็ยังได้เข้าชิง London Film Critics Circle Award สำหรับผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ในปีต่อมา เขาก็ได้รับหน้าที่ในการกำกับหนังแฮ็คเกอร์เรื่อง Hackers ที่นำแสดงโดย จอห์นนี่ ลี มิลเลอร์ (Jonny Lee Miller) และ แองเจลิน่า โจลี่ (Angelina Jolie) ในผลงานการแสดงเรื่องแรกๆของเธอ ผลงานเรื่องต่อมาของ ซอฟต์ลี่ย์ คือ The Wings of the Dove ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ เฮนรี่ เจมส์ (Henry James) นำแสดงโดย เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ (Helena Bonham Carter) และ ไลนัส โรช (Linus Roache) โดยเรื่องนี้ยังได้เข้าชิงรางวัลจากหลายสถาบัน ภาพยนตร์เรื่องต่อมาของเขาคือ K-PAX ที่นำแสดงโดย เควิน สเปซีย์ (Kevin Spacey) และ เจฟฟ์ บริดเจส (Jeff Bridges) ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ หนังทริลเลอร์เหนือธรรมชาติ The Skeleton Key เรื่อง เคท ฮัดสัน (Kate Hudson), จีน่า โรว์แลนด์ (Gena Rowlands), ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด (Peter Sarsgaard) และ จอห์น เฮิร์ท (John Hurt)

เดวิด ลินด์เซย์ อแบร์ (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)

เขาได้รับรางวัลพูลิตเซอร์สำหรับบทละครเวทีดราม่าเรื่อง Rabbit Hole ที่เปิดการแสดงครั้งแรกใน Manhattan Theatre Club’s Biltmore Theater โดยเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อใน Tony Award ถึงห้าสาขา รวมถึงสาขาละครเวทียอดเยี่ยมอีกด้วย บทละครเวทีของเขาเรื่องอื่นๆก็ยังมี Fuddy Meers, Kimberly Akimbo, Wonder of the World และ A Devil Inside โดยเขายังได้เขียนบทและเนื้อร้องให้กับบรอดเวย์เรื่อง Shrek ที่มีกำหนดเปิดตัวในเดือนธันวาคมนี้อีกด้วย

ปัจจุบันนี้เขากำลังเขียนบทภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทละครของเขาเองเรื่อง Rabbit Hole ที่จะนำแสดงโดย นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) และ คิมเบอร์ลี่ย์ อคิมโบ (Kimberly Akimbo)

คอร์เนเลีย ฟุงเค่อ (ผู้อำนวยการสร้าง/ผู้แต่ง)

เธอเรียนจบจากมหาวิทลัยฮัมบูกร์ เอกการศึกษา เธอได้ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับเด็ก และส่งเสริมให้เธอได้เริ่มเขียนหนังสือสำหรับเด็กขึ้น ซึ่งผลงานของเธออย่าง Ghosthunters และ Wild Chicks ก็ทำให้เธอได้รับความนิยมในหมู่เด็กเยอรมันเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดเธอก็มาเป็นที่รู้จักในฝั่งอเมริกาจาก Dragon Rider ที่อยู่ในอันดับหนังสือขายดีของ New York Times ถึง 78 สัปดาห์ หลังจากนั้น เธอยังมีผลงานที่ประสบความสำเร็จอีก เช่น Thief Lord (หรือชื่อไทยว่า “นายขโมย”) ที่สามารถไต่ขึ้นถึงอันดับ 2 หนังสือขายดีของ New York Times และอยู่ในอันดับนั้นถึง 19 สัปดาห์ และยังขายได้ถึง 1.5 ล้านเล่มอีกด้วย (Thief Lord ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ในปี 2004)

แต่ผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นั้นก็คือ Inkheart (หัวใจน้ำหมึก) ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลวรรณกรรมสำหรับเยาวชนยอดเยี่ยมของ BookSense ซึ่งหลังจากนั้น เธอก็ได้เขียนภาคต่อที่ชื่อ Inkspell (มนต์น้ำหมึก) ออกมา ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลเดียวกันของ BookSense ในอีกสองปีถัดมา โดย Time magazine ได้บรรจุเธอให้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปี 2005 และยังเรียกเธอว่าเป็น เจ เค โรว์ลิ่ง ของเยอรมันอีกด้วย และยังให้คำนิยามสำหรับงานของเธอว่า "แปรปรวนและอุดมไปด้วยตัวละครที่คาดเดาไม่ได้ และยังประกอบไปด้วยพล็อตเรื่อง ที่ห่างจากการถูกบงการในเรื่องของอารมณ์" โดยไตรภาคนี้ก็จะมาเสร็จสมบูรณ์ เมื่อเธอกำลังจะปล่อย Inkdeath (มฤตยูน้ำหมึก) ออกมาในเดือนตุลาคม ปี 2008

ไดอาน่า โพคอร์นี่ย์ (ผู้อำนวยการสร้าง)

ล่าสุดเธอได้รับหน้าที่อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์ตลกเรื่อง Mr. Woodcock กำกับโดย เคร็ก กิลเลสพี และนำแสดงโดย บิลลี่ บ็อบ ทอร์นตัน (Billy Bob Thornton) และ ซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon)

ผลงานการอำนวยการสร้างเรื่องอื่นๆของเธอก็ยังมี Dark Water หนังทริลเลอร์ของ วอลเตอร์ ซัลเลส (Walter Salles) นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ คอลเนลลี่ (Jennifer Connolly), The Shipping News ของ ลาสสี่ ฮอลสตรอม (Lasse Hallstrom) นำแสดงโดย เควิน สเปซี่ย์ (Kevin Spacey), จูลี่แอน มัวร์ (Julianne Moore), จูดี้ เด้นส์ (Judi Dench), เคท บลานเช็ท (Cate Blanchett) และ พีธ พ็อตเทิลเว็ธ (Pete Postlethwaite), The Astronaut’s Wife หนังไซไฟ-ทริลเลอร์ที่นำแสดงโดย จอห์นนี่ เด็ปป์ (Johnny Depp) และ ชาร์ลิซ เทอรอน (Charlize Theron) และ The Object of My Affection ที่นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) และ พอล รัดด์ (Paul Rudd)

สำหรับ HBO โพคอร์นี่ย์ ได้อำนวยการสร้างสารคดีกึ่งภาพยนตร์ ที่ทรงพลังและเป็นที่กล่าวขานเรื่อง Indictment: The McMartin Trial ของผู้กำกับ มิค แจ็คสัน (Mick Jackson) ซึ่งเป็นเรื่องคดีการทำร้ายเด็กก่อนวัยเรียนของนาย แม็คมาร์ติน โดยสารคดีนี้ ได้รับรางวัลจากทั้ง Emmy และ Golden Globe ในสาขาภาพยนตร์ที่สร้างเพื่อโทรทัศน์ยอดเยี่ยม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4
๑๖:๐๘ DITP GIT ปลื้ม!!! งาน Bangkok Gems ครั้งที่ 69ประสบความสำเร็จล้นหลาม ผลจากความเข้มแข็งและเป็นหนึ่งเดียวของภาครัฐ-เอกชนร่วมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก
๑๖:๔๓ ผถห. SISB อนุมัติจ่ายปันผลปี 66 อัตรา 0.31 บ./หุ้น
๑๖:๓๘ วว. ให้บริการทดสอบของอัตราส่วนไอโซโทปของธาตุ ด้วยเครื่องไอโซโทปเรโชแมสสเปคโตรเมตรี
๑๖:๑๘ Open Banking ช่วยสร้างคุณค่าบริการทางการเงิน: ทิศทางธุรกิจของภาคธนาคารและสถาบันการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๑๖:๒๑ NPS จิตอาสาร่วมปรับภูมิทัศน์ โครงการสร้างความสามัคคีทำความดีเพื่อแผ่นดิน
๑๖:๐๗ NPS ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดเทศบาล ต.เขาหินซ้อน