เงินลงทุนที่ได้รับมานี้มีแผนที่จะนำไปใช้พัฒนาโซลูชันสำหรับองค์กร (enterprise solution) รวมถึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ได้ (digital transformation) โดย SYNQA ตั้งใจที่จะเพิ่มบทบาทในกลุ่มประเทศที่เป็นสังคมไร้เงินสดในเอเชีย ในช่วงที่การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเรื่องสำคัญเช่นทุกวันนี้โครงสร้างเทคโนโลยีทางการเงิน (fintech infrastructure) อย่างระบบรับชำระเงินออนไลน์ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนยังสามารถทำธุรกรรมทางการเงินด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกสบายอยู่อย่างต่อเนื่อง
“ผมมีความยินดีที่จะประกาศข่าวการระดมทุนรอบนี้และความร่วมมือใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นให้ทุกท่านทราบ แม้เราจะอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย ผมมองว่านี่เป็นโอกาสดีในการเร่งปรับเอาระบบรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ (digital transformation) เงินลงทุนในรอบนี้จะนำไปสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทย่อยของเรา เพื่อให้คน ธุรกิจ และสังคม สามารถเชื่อมถึงกันได้ดีมากขึ้น ผมมีความเชื่อว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ คือ ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างทางการเงินที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น” คุณจุน ฮาเซกาวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SYNQA กล่าว
SYNQA มองว่าโลกภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมของคน โดยความนิยมในการใช้จ่ายด้วยเงินสดลดลง และเปลี่ยนเป็นช่องทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ผลสำรวจโดย Nielsen พบว่าในประเทศสิงคโปร์ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค (Fast Moving Consumer Goods หรือ FMCG) ผ่านทางออนไลน์เติบโตขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (2563) SYNQA อยู่ในจุดที่มีศักยภาพโดดเด่น สามารถที่จะนำพาเอเชียเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมไร้เงินสดได้ Omise เป็นบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้การดูแลของ SYNQA เป็นผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินชั้นนำก่อตั้งขึ้นในปี 2556 ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการร้านค้านับพันรายทั่วเอเชียโดยให้บริการเทคโนโลยีและฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการค้าขายออนไลน์ ช่วยทั้งด้านการรับชำระเงิน และเชื่อมร้านค้าเข้ากับผู้บริโภคนับล้านทั่วโลก เงินลงทุนครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ของ Omise เพื่อเพิ่มคุณค่าที่ส่งมอบให้กับร้านค้าและธุรกิจทั่วเอเชีย
การระดมทุนในครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือที่มั่นคงระหว่าง SYNQA และผู้ร่วมลงทุน คือ SCB 10X, SPARX, TFS, SMBC, SMBCVC และ ADI ในการนำเทคโนโลยีจากบริษัทย่อยภายใต้ SYNQA ไปปรับใช้กับแต่ละองค์กร และยังตอกย้ำการมีส่วนร่วมในการนำพาเอเชียไปสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดของ SYNQA อีกด้วย เงินลงทุน Series C นี้ยังจะถูกนำไปใช้จัดตั้งบริษัทย่อยอีกหนึ่งแห่งภายใต้การดูแลของ SYNQA ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโซลูชันเพื่อองค์กรที่ต้องการนำเทคโนโลยีด้านการเงินไปปรับใช้ (fintech transformation) โดยเฉพาะ
“SCB 10X มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมลงทุนและจับมือเป็นพันธมิตรกับ SYNQA ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสององค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถร่วมกันนำเสนอนวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนให้องค์กรหรือผู้ประกอบการต่าง ๆ สามารถปรับรูปแบบและทำธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต” ดร. อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB 10X กล่าว
บริษัทย่อยภายใต้ SYNQA มีความยินดีที่จะได้นำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้ง API และ OMG Network ซึ่งเป็นเครือข่ายสำหรับการแลกเปลี่ยนมูลค่าสร้างอยู่บนบล็อกเชน Ethereum ไปต่อยอดเป็นโซลูชันใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าของพาร์ทเนอร์ได้ การมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ SYNQA เช่น แอปพลิเคชัน Toyota Wallet เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่มีต่อการลดอุปสรรครูปแบบเดิม ๆ ในการทำธุรกรรมออกไป ความร่วมมือใหม่ ๆ รวมถึงเงินลงทุนที่ได้รับมานี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ของ SYNQA ให้แข็งแรงขึ้นเพื่อพาองค์กรไปสู่วิสัยทัศน์และเป้าหมายที่วางไว้
เกี่ยวกับ SCB 10X
บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมพานี ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อตั้งเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ภายใต้ภารกิจ “Moonshot Mission” มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และการลงทุนที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดผ่าน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ Venture Capital, Venture Builder และ Strategic Investment and Partnership นอกจากนี้ SCB 10X ยังทำหน้าที่ดูแลบริษัทด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ทั้งหมด ได้แก่ บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด บริษัท มันนิกซ์ จำกัด และบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีที่จะจัดตั้งหรือลงทุนในอนาคต รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ [email protected]
เกี่ยวกับ SPARX Group
SPARX Group Mirai Creation Fund I ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นมูลค่า 13.5 พันล้านเยนจาก 3 บริษัท คือ Toyota Motor Corporation, Sumitomo Mitsui Banking Corporation และ SPARX Group Co.Ltd., ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์หลักของกองทุน นับตั้งแต่ก่อตั้ง Mirai Creation Fund I และ II ได้เข้าลงุทนในธุรกิจและโปรเจ็คกลุ่มเทคโนโลยีอัจฉริยะ (intelligent technologies), อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (robotics), เทคโนโลยีเศรษฐกิจไฮโดรเจน (hydrogen-economy technologies), พลังงานไฟฟ้า (electrification) และอุตสาหกรรมวัสดุใหม่ (new materials) รวมกว่า 50 โครงการ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mirai Creation Fund ได้ที่ https://mirai.sparx.co.jp/en/investment/
เกี่ยวกับ SYNQA
SYNQA เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะด้านระบบรับชำระเงินออนไลน์, เทคโนโลยีบล็อกเชนในฟินเทค และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในธุรกจิ (digital transformation) พันธกิจของ SYNQA คือ การเชื่อมโยงผู้คน องค์กรธุรกิจ และสังคม ผ่านการประยุกต์ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ โดยมุ่งที่จะกระจายโอกาสทางการเงินและทำให้การเข้าถึงระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ (economic ecosystem) ที่กำลังเติบโตขึ้นมีความเปิดกว้างและเป็นธรรม สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ SYNQA เพิ่มเติมได้ที่ www.synqa.co หรือติดตามบนทวิตเตอร์