หลังจากผ่านพ้นระยะเวลาครึ่งแรกของปี 2017 ไปเป็นที่เรียบร้อย Porsche AG สามารถสร้างผลงานอย่าง ยอดเยี่ยม ทั้งในแง่ของผลการดำเนินงาน รายรับ ยอดการส่งมอบรถยนต์ และจำนวนของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานภายในองค์กร ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขผลประกอบการของปอร์เช่แตะหลัก 2.1 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 16 เปอร์เซ็นต์ รายรับรวมเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 11.8 พันล้านยูโร บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันแห่งนี้มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 18.1 เปอร์เซ็นต์ ( 6 เดือนแรกของปีที่แล้วมีกำไรอยู่ที่: 16.8 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่ตัวเลขยอดการส่งมอบรถยนต์เพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 126,497 คัน ในส่วนของอัตรากำลังรวมภายในองค์กรเพิ่มสูงขึ้นกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 29,280 คน
ประธานกรรมการบริหาร Porsche AG, Oliver Blume กล่าวว่า: "ปอร์เช่ให้ความสำคัญต่อการสนองตอบความต้องการของลูกค้ารวมทั้งความมั่นคงและยั่งยืนขององค์กร การบริหารงานด้านการเงินที่แข็งแกร่งก่อให้เกิดรากฐานอันดีที่ส่งผลถึงการพัฒนาในภายภาคหน้า ปอร์เช่ยังคงเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ยานยนต์สายพันธ์สปอร์ตเต็มรูปแบบ ที่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ได้อย่างแท้จริง โดยในปัจจุบันประกอบด้วย 911 จีทีเอส (911GTS) ใหม่, 911 จีที 3 (911 GT3), 911 เทอร์โบ เอส เอ็กส์คลูซีฟ (911 Turbo S Exclusive) และ 911 จีที2 อาร์เอส (911 GT2 RS) – เช่นเดียวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำอนาคต อาทิ ระบบ plug-in hybrids และ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า"
Lutz Meschke รองประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้รับผิดชอบส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของ Porsche AG เน้นย้ำถึงการใช้แผนกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวและการบริหารองค์กรที่มีประสิทธิภาพ เคียงคู่ไปกับการจัดการโครงสร้างต้นทุนอย่างเหมาะสมภายใต้สถานการณ์ที่มีทิศทางเชิงบวก แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้คาดการณ์ไว้ว่า น่าจะเป็นการยากที่จะสามารถรักษาผลประกอบการที่อยู่ในระดับดีเยี่ยมจากช่วงเวลา 6 เดือนแรกของปีนี้เอาไว้ให้ยาวนานได้ตลอดไปในอนาคต Meschke แสดงความคิดเห็นว่า: "เราทำได้แค่เพียงเฝ้ารอคอยผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใน อภิมหาโครงการของเรา สำหรับการพัฒนารถสปอร์ตพลังไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่ และการขยายกำลังการผลิตให้แก่โรงงานที่ Zuffenhausen ในทันทีที่ Mission E ได้รับการเปิดตัวในช่วงสิ้นทศวรรษนี้" ปอร์เช่ลงทุนด้วยงบประมาณกว่าหนึ่งพันล้านยูโรในการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างสรรค์ Mission E ซึ่งรวมไปถึงการสร้างอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นให้แก่บุคลากรใหม่อีกมากกว่า 1,200 ตำแหน่ง นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกยังได้ทุ่มเทงบประมาณเป็นจำนวนหลายร้อยล้านยูโร สำหรับการพัฒนาเพื่ออนาคตของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in hy-brid "มันคือความ ท้าทายอันยิ่งใหญ่", Meschke กล่าวต่อไปว่า "เราจำเป็นต้องบริหารการลงทุนให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด พร้อมกับรักษาระดับการดำเนินงานที่ดีของเราเอาไว้ให้ยั่งยืน"
ในปีงบประมาณ 2017 นี้ จากอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ยังคงมีเสถียรภาพ Blume และ Meschke ต่างคาดหวังที่จะประสบความสำเร็จในระยะเวลาที่เหลือ ด้วยผลประกอบการของบริษัทที่สูงขึ้นเล็กน้อยกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ พวกเขาได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มเติมเอาไว้ว่า ปอร์เช่จะยังคงสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในแผนกลยุทธหลักและเพิ่มผลกำไรสุทธิอย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์
ทางด้านสถานการณ์ปัจจุบันในประเด็นของเครื่องยนต์ดีเซล ปอร์เช่พร้อมแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อลูกค้าทุกท่าน ถึงแม้ว่าทางปอร์เช่จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลด้วยตนเองก็ตาม
911 คาร์เรร่า จีทีเอส (911 Carrera GTS) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.4 - 8.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร ; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 212 - 188 กรัม / กิโลเมตร
911 จีที 3 (911 GT3) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.9 - 12.7 l / 100 km ; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 290 - 288 กรัม / กิโลเมตร
911 เทอร์โบ เอส เอ็กซ์คลูซีฟ ซีรีส์ (911 Turbo S Exclusive Series) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.1 ลิตร / 100 กิโลเมตร ; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 212 กรัม / กิโลเมตร
911 จีที 2 อาร์เอส (911 GT2 RS) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11.8 ลิตร / 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 269 กรัม / กิโลเมตร