นี่คือ 4 ขั้นตอนที่จะช่วยให้แบรนด์รถยนต์ในไทยเริ่มต้นแคมเปญประจำปี 2561 บน Facebook ได้อย่างประสบความสำเร็จ
ใช้วิดีโอสำหรับโทรศัพท์มือถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการขาย
ผู้คนมักชื่นชอบค้นหาคอนเทนต์ที่ง่ายต่อการรับชมผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนการค้นหาและการรับชมเป็นเรื่องง่ายขึ้น วิดีโอสำหรับการขายและนำเสนอโปรโมชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือจึงควรยึดหลักการเดียวกัน และมุ่งเป้าที่จะดึงดูดความสนใจผู้ชมในทันที
ให้ความสำคัญกับเป้าหมายสูงสุดของคุณ และสร้างแรงจูงใจที่นำไปสู่เป้าหมายนั้นภายในระยะเวลาที่คุณมี เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภค ไม่จำเป็นที่คุณต้องเป็น "ครีเอทีฟ" จึงจะสร้างสรรค์วิดีโอบนโทรศัพท์มือถือที่น่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภคได้ แอพพลิเคชั่นที่ไม่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น แอพพลิเคชั่นแอนนิเมชั่นแบบข้อความอย่าง Legend[4] ช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์วิดีโอประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ด้วยวิธีที่คุ้มค่าด้านต้นทุนมากขึ้น
กำหนดกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพให้ดียิ่งขึ้นด้วย Facebook Pixel
The Facebook Pixel คือการเขียนโค้ดสำหรับเว็บไซต์ที่ทำให้คุณสามารถสร้างกลุ่มผู้รับชมของคุณเองจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ รวมถึงกำหนดกลุ่มผู้รับชมสำหรับแคมเปญโฆษณาบน Facebook ของคุณ คุณสามารถใช้โค้ด Facebook Pixel ในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์เพื่อติดตามพฤติกรรมแบบเฉพาะเจาะจงของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ เวลาที่มีคนทำกิจกรรมอะไรบางอย่างบนเว็บไซต์ เช่น การจองนัดเข้ารับบริการต่างๆ Facebook Pixel ก็จะรายงานกิจกรรมนี้ โดยสามารถตรวจสอบได้จากแดชบอร์ด Pixel ของคุณ และยังสามารถปรับการกำหนดกลุ่มผู้รับชมตามความต้องการ เพื่อการสื่อข้อความที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายผ่านโฆษณาบน Facebook ได้อีกด้วย
การติดตามยอดขาย
เมื่อไม่นานมานี้ นักโฆษณาไม่สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลยอดขายเข้ากับ Facebook เพื่อวัดผลว่าผู้รับชมกลุ่มไหนและแคมเปญใดที่ขับเคลื่อนผลลัพธ์เหล่านี้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ Facebook's Offline Conversions ได้เติมเต็มขั้นตอนที่ใช้ในการวัดผล และคำนวณมูลค่าและปริมาณของยอดขายออฟไลน์ที่มาจาก Facebook, Instagram และ Audience Network เริ่มต้นด้วยการใช้ประโยชน์จากระบบบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (CRM system) ของคุณ ที่ประกอบด้วยข้อมูลที่ดีที่สุด ซึ่งก็คือยอดขายรถยนต์นั่นเอง
อัพโหลดข้อมูลยอดขายรถยนต์ของคุณที่ทำได้ง่ายๆ ไปที่ Business Manager บน Facebook ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลออฟไลน์นี้เข้ากับช่องทางอื่นๆ ในการติดต่อผ่านออนไลน์ เพื่อบอกคุณว่าผู้บริโภคออฟไลน์รายใดบ้างที่เห็นโฆษณาจากแคมเปญของคุณเมื่อไม่นานมานี้ อย่ารอช้าในการตั้งค่าข้อมูลออฟไลน์นี้ เพราะจะดีที่สุดหากเริ่มทำตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของแคมเปญ เพื่อที่คุณจะได้วัดผลของการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ยอดขายตั้งแต่แรกเริ่มได้
จำนวนผู้ใช้งาน Instagram ราว 800 ล้านคนในแต่ละเดือน ค้นหาและติดตามสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ใช้ Instagram เพื่อเชื่อมต่อกับธุรกิจที่พวกเขารัก ที่จริงแล้ว กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งาน Instagram จะติดตามผู้ใช้งานที่เป็นธุรกิจ ในขณะที่ผู้ใช้งาน Instagram ราว 200 ล้านคนจะเยี่ยมชมโปรไฟล์ของเพจธุรกิจทุกวัน[5]
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ด้วยวิธีที่คุ้มค่าทางต้นทุนโดยการจับคู่แคมเปญบน Instagram เข้ากับ Facebook เพื่อลดต้นทุนต่อผลลัพธ์โดยรวม วิธีการคือ เลือกการใช้งาน Instagram ระหว่างการสร้างแคมเปญบน Facebook และใช้เนื้อหาเชิงสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์มผ่านทางเลือกนี้
ติดตามเรื่องราวความสำเร็จล่าสุดของแวดวงรถยนต์บน Facebook และ Instagram ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/business/industries/automotive
แหล่งที่มา:
1. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2. วีซ่า "การติดตามผู้บริโภคอีคอมเมิร์ซประจำปี 2558" (eCommerce consumer monitor 2015) จัดทำโดย โออาร์ซี อินเตอร์เนชันแนล (ORC International) เดือนพฤศจิกายน ปี 2558
3. การศึกษาเกี่ยวกับผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียชาวไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,000 คนบน Facebook โดย TNS (มอบหมายงานโดย Facebook) เดือนมิถุนายน 2560
4. มีให้บริการใน Google Play และ iOS Store
5. ข้อมูลภายในองค์กรของ Instagram ประจำปี 2560