ยานยนต์แห่งอนาคตคือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฉลาด และสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและขับเคลื่อนได้แบบดิจิทัล รถยนต์จะสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวของมันเองในโหมดขับขี่อัตโนมัติเพื่อนำผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะกลายเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนกำลังค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาโซลูชั่นนี้ให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ โดยเทคโนโลยีที่คิดค้นไว้หลายชนิดก็ได้ถูกนำมาใช้แล้วในกระบวนการผลิตในปัจจุบันและเป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นวัตกรรมยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ในอีก 5 ปีข้างหน้า 90% ของนวัตกรรมการผลิตรถยนต์ทั้งหมดจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และใช้การประมวลผลข้อมูลแบบบิ๊กดาต้า ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะรถยนต์ในปัจจุบันมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กหรือที่เรียกว่า อีซียู ไว้ 20-80 ตัว ขึ้นอยู่กับรุ่น ซึ่งคอมพิวเตอร์เหล่านี้มีการประมวลผลข้อมูลราว 25 กิกะไบต์ต่อชั่วโมง รถยนต์ระดับมาตรฐานในอนาคตจะมีคอมพิวเตอร์ติดตั้งสูงสุดถึง 100 ตัว เนื่องจากปริมาณการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะต้องนำระบบผู้ช่วยขับขี่มาใช้งาน นอกจากนี้การเพิ่มความสามารถด้านการสื่อสารและการเชื่อมต่อทำให้รถยนต์ต้องสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น มีการกำหนดให้รถยนต์รุ่นใหม่ที่จำหน่ายในสหภาพยุโรปหลังวันที่ 31 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือ (e-call) แบบอัตโนมัติมากับตัวรถ
ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
การใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้งานข้อมูลเติบโตตามไปด้วย นอกเหนือจากฟังก์ชั่นมอนิเตอร์และควบคุมแล้ว ระบบจัดการแบตเตอรี่ก็ทำหน้าที่เป็นตัวประสานระหว่างรถและส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ในแบตเตอรี่ด้วยเช่นกันโดยทำหน้าที่ส่งข้อมูลการทำงานในขณะนั้นไปยังตัวรถ ปัจจุบันมีการผลิตรถที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดหรือไฟฟ้าถึง 3 ล้านคันต่อปี โดยคาดว่าในปี พ.ศ. 2573 รถใหม่ที่ผลิตออกจากโรงงานจำนวน 1 ใน 4 ของทั้งหมดจะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
การเติบโตของเครื่องยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว เป็นผลมาจากตัวแปรสำคัญคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงและมีต้นทุนต่ำลง ทำให้การผลิตแบบจำนวนมากเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็ทำให้รถมีน้ำหนักมากขึ้น จึงจำเป็นต้องลดน้ำหนักส่วนประกอบอื่นๆ เพราะหากรถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากขึ้นก็จำเป็นต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นและทำให้ระยะการขับขี่ลดลงด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ผลิตหันมาใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา เช่น อลูมิเนียม หรือวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ
ประสบการณ์ขับขี่รูปแบบใหม่
รถยนต์ในอนาคตจะมีความเงียบและใช้งานได้หลายรูปแบบ อีกทั้งยังเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถนั่งโดยสารและขับขี่ได้อย่างอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสื่อสารกับรถคันอื่น และถนน รวมทั้งที่จอดรถได้ โดยประสบการณ์ใช้งานเหล่านี้จะสัมผัสได้จากภายในห้องขับขี่ที่เป็นระบบดิจิทัล และมีนวัตกรรมจอภาพที่เอื้อให้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นข่าวสารและความบันเทิงรูปแบบใหม่ได้ รวมถึงปฏิวัติรูปแบบการบังคับและการสั่งการ
อันที่จริงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ให้ความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของเฮงเค็ลในกระบวนการเหล่านี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เนื่องจากหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ลได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่เอื้อต่อการผลิตรถยนต์อย่างยั่งยืนมากถึง 300 ประเภทการใช้งาน ตัวอย่างขององค์ประกอบในรถยนต์ที่เฮงเค็ลมีส่วนช่วยให้เป็นจริงได้ มีดังนี้
ระบบนำทางอัตโนมัติ
เทคโนโลยีผู้ช่วยอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ทุกวันนี้ช่วยควบคุมตั้งแต่พวงมาลัยไฟฟ้าแบบพาวเวอร์ และระบบเบรคฉุกเฉิน ไปจนถึงช่วยจอดรถแบบอัตโนมัติ ทำให้การขับขี่มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากกว่าเดิม เทคโนโลยีดังกล่าวทำงานโดยใช้ระบบเรดาห์ กล้องตรวจจับ และเซนเซอร์ เพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่รอบตัวรถและส่งข้อมูลไปยังระบบช่วยขับขี่แบบเรียลไทม์ ซึ่งในสถานการณ์คับขันระบบดังกล่าวจะบังคับรถให้โดยอัตโนมัติ รถยนต์ในอนาคตจะมีการติดตั้งกล้องมากถึง 10 ตัว และเซนเซอร์มากกว่า 200 จุด เพื่อยกระดับความปลอดภัยและเอื้อต่อการขับขี่แบบอัตโนมัติ
เฮงเค็ลนำเสนอพอร์ตโฟลิโอที่ใช้ในการผลิตระบบผู้ช่วยขับขี่ อาทิ โซลูชั่นยึดติด และสารเคลือบพื้นผิวขององค์ประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ของเฮงเค็ลมีตั้งแต่กาวที่เป็นสื่อนำและไม่เป็นสื่อนำ กาวยึดติดโครงสร้าง สารเคลือบป้องกัน และสารเคลือบยึดจับ ซึ่งใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์ เช่น ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และกรอบรถ โดยในการผลิตกล้องรถยนต์ 1 ตัวอาจมีการใช้โซลูชั่นของเฮงเค็ลมากถึง 10 ประเภท
เทคโนโลยีแบตเตอรี่
รถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องพึ่งพาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพสูงที่รีชาร์จได้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่มีความยั่งยืนมากกว่าการใช้เชื้อเพลิงแบบเผาไหม้ ทั้งนี้หากต้องการให้รถยนต์ไฟฟ้าแพร่หลายมากขึ้นจำเป็นต้องพัฒนาแบตเตอรี่ให้ขับขี่ได้ระยะทางไกลขึ้นและมีราคาถูกลง โดยปัจจุบันต้นทุนกว่า 50% ของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเก่าอย่างเห็นได้ชัด
อุณหภูมิมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของแบตเตอรี่ ซึ่งต้องคงที่อยู่ระหว่าง 15-35 องศาเซลเซียส เฮงเค็ลช่วยให้การจัดการความร้อนนี้เป็นไปได้ด้วยโซลูชั่นครีมสื่อนำความร้อน วัสดุกระจายความร้อน และแผ่นนำความร้อน ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่มีความร้อนสูงเกินไป นอกจากนี้ยังมีหมึกพิมพ์นำความร้อนที่ทำงานอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่จะมีอุณหภูมิอย่างน้อย 10 องศาเซลเซียสเมื่อรถเริ่มทำงาน และไม่เย็นจนเกินไปแม้อยู่ในสภาพอากาศที่หนาวจัด เฮงเค็ลยังพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่เอื้อต่อรถยนต์ไฟฟ้า และมีบทบาทสำคัญในขั้นตอนการประกอบแบตเตอรี่ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์นับตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ
ระบบอัจฉริยะ
ความสามารถในการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติและการสื่อสารแบบเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย ทำให้รถยนต์เปรียบเหมือนสมองที่ขับเคลื่อนได้ รถยนต์ในอนาคตต้องมาพร้อมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กหรืออีซียูจำนวนมาก เพื่อประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกันในแบบเรียลไทม์ หัวใจสำคัญของอีซียูก็คือแผงวงจร แต่อย่างไรก็ตามรถสมัยใหม่ได้ถูกใช้งานจนเต็มพื้นที่แล้ว ทำให้ไม่สามารถออกแบบรถที่มีตัวถังขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมากไปกว่านี้ได้ ดังนั้นแผงวงจรจึงจำเป็นต้องมีขนาดเล็กลง มีอายุการใช้งานนานขึ้น และมีสมรรถนะมากขึ้น ซึ่งความเชี่ยวชาญเฮงเค็ลเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ได้ด้วยโซลูชั่นยึดติด และปกป้องระบบจากความร้อนเกิน การขัดข้องของเครื่องกล ความชื้น และไฟฟ้าฟ้าลัดวงจร
จอแสดงผล
ฟังก์ชั่นข้อมูลซึ่งอยู่ในรถยนต์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งการด้วยเสียง จอสัมผัส และห้องขับขี่ดิจิทัล กำลังเข้ามาแทนที่อุปกรณ์อนาล็อก จำนวนจอแสดงผลภายในรถจะมีมากขึ้น เช่น จอแจ้งเตือนที่กระจกหน้า จอภาพดิจิทัลในห้องขับขี่ และจอสัมผัสที่แผงคอนโซล เหล่านี้แสดงให้เห็นว่ารถยนต์กำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล
เฮงเค็ลนำเสนอโซลูชั่นที่หลากหลายสำหรับจอแสดงผล เช่น กาวยึดติดโครงสร้างสำหรับกรอบรถและชิ้นส่วน นอกจากนี้ยังมีกาวโปร่งแสงสำหรับจอแอลซีดี หรือโอแอลอีดี ที่ไม่เพียงเพิ่มความทนทานและอายุการใช้งาน แต่ยังทำให้ได้คุณภาพการแสดงผลที่ดี
โครงสร้างน้ำหนักเบา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพยายามหาทางแก้ไขเรื่องน้ำหนักของรถที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกฎข้อบังคับด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งต้องใช้อุปกรณ์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยเฉพาะแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักมาก ซึ่งยิ่งตัวรถมีน้ำหนักมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะปลดปล่อยคาร์บอนออกมามากขึ้นเท่านั้น จึงเป็นสาเหตุที่อุตสาหกรรมยานยนต์ได้หันไปใช้วัสดุโครงสร้างน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมและวัสดุสังเคราะห์
กาวและซีลแลนท์ของเฮงเค็ลช่วยให้โครงสร้างรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบาเป็นจริงได้ เพราะการยึดติดด้วยกาวแทนการเชื่อมสามารถลดน้ำหนักของรถได้ราว 15% ทั้งนี้จุดที่มีการเชื่อมต่อกันด้วยกาวสามารถรับแรงแกว่ง แรงสั่นสะเทือน และการเปลี่ยนอุณหภูมิที่สูงได้ รวมทั้งมั่นใจได้ว่าวัสดุคนละชนิดกันจะสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างทนทาน กาวของเฮงเค็ลไม่เพียงถูกนำไปใช้ยึดติดตัว แต่ยังนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นเพื่อช่วยให้รถยนต์มีความปลอดภัย ทนทานต่อการเสียดสี และมีความคงทนมากขึ้น