บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำ Q2/57 สามารถทำรายได้รวม 2,063.3 ล้านบาท ลดลง 2.5% จากงวดเดียวกันของปี 2556 ที่มีรายได้ 2,115.4 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 37.8% จาก Q1/57 ที่มีรายได้ 1,496.9 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากการขายงวด 6 เดือนปี 2557 เท่ากับ 3,560.2 ล้านบาท ลดลง 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3,747.1 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะอากาศหนาวเย็นสองเดือนแรกของปีซึ่งส่งผลต่อสภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มทั้งหมดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ICHI สามารถทำกำไรสุทธิใน Q2/57 ได้ถึง 406.5 ล้านบาท (คิดเป็น 19.7%) เติบโตขึ้น 15.3% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 100.9% จาก Q1/57 ที่มีกำไร 202.3 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักในการสร้างศักยภาพการทำกำไรมาจากช่วง Q2 ของปีเป็นฤดูร้อนส่งผลบวกต่อธุรกิจ และการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่เครื่องดื่มจับเลี้ยง “เย็นเย็น” บายอิชิตันแบบกระป๋อง และ “อิชิตัน ดราก้อน มัลเบอร์รี่” ชาดำรสชาติเข้มข้น มาพร้อมความสดชื่นของมัลเบอร์รี่
ประกอบกับความสามารถปรับลดต้นทุนทางการเงินเหลือ 22.8 ล้านบาท จาก 42.2 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 46.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) จากการนำเงิน IPO บางส่วนไปชำระหนี้เงินกู้ยืมจากกรรมการ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
จากผลสำรวจล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2557 อิชิตันยังครองส่วนแบ่งสูงสุดอันดับ 1 ตลาดชาพร้อมดื่มด้วยส่วนแบ่งการตลาด 44.9% ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 650 ล้านบาท วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 25 สิงหาคม 2557 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 27 สิงหาคม 2557 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นวันที่ 28 สิงหาคม 2557 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 12 กันยายน 2557
แผนดำเนินงานขั้นต่อไปหลังโรงงานผลิตเฟส 2 ติดตั้งแล้วเสร็จปลาย Q3/57 อันจะทำให้ ICHI มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านขวดและ 200 ล้านกล่องต่อปี พร้อมสำหรับการรองรับการผลิตสินค้าใหม่ที่กำลังออกสู่ตลาด เช่น เย็นเย็น เก็กฮวยผสมน้ำผึ้ง รวมถึงมีโครงการศึกษาการขยายตลาดไปยังประเทศ AEC อย่างเข้มข้นเพื่อสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเด็นการพิจารณาเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มชาเขียวและกาแฟพร้อมดื่มนั้น อิชิตันน้อมรับการตัดสินใจของกรมสรรพสามิต แต่ขอให้มีการพิจารณาอย่างเป็นธรรมหากมีการเรียกเก็บจริงก็ขอให้เป็นไปทั้งระบบ เพื่อไม่สร้างความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ยืนยันว่าการที่อิชิตันสามารถสร้างผลประกอบการและกำไรอย่างต่อเนื่องมาจากการวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบมาตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ ส่งผลทำให้การบริหารต้นทุนและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อม บริษัทฯ กำลังศึกษาแนวทางปรับตัว ส่วนหนึ่งอาจบรรเทาได้จากการลดการว่าจ้างการผลิต (OEM) เพื่อบริหารต้นทุนภายให้เข้มข้นขึ้น การออกสินค้ารสชาติ หรือขนาดใหม่ เพื่อรองรับโครงสร้างราคาที่เปลี่ยนไป และจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากจนเกินไป