นายนิพนธ์ จงวิชิต รักษาการผู้จัดการกองทุนวิจัยและพัฒนาฯ กล่าวว่า กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เห็นถึงเทรนด์การใช้งานของระบบ Internet of Things หรือ IoT อันเป็นสัญญาณของกระแสโลก ที่อนาคตจะมีบทบาทสำคัญในประเทศไทย โดยกองทุนสนับสนุนโครงการขยายผลNETPIE IoT Platform สู่ภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือให้เกิดการพัฒนาขยายผลสู่ภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอนาคตเทรนด์การใช้งานด้าน Internet of Things จะเติบโตและมีบทบาททั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งในวันนี้หากประเทศไทยมีการศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีด้าน Internet of Things อันเป็นการเชื่อมต่อระบบสัญญาณอุปกรณ์ภายในบ้าน อาคาร ตลอดจนภายในเครื่องจักรภายในโรงงาน องค์กรจะลดการทำงานในด้านทรัพยากรบุคคล เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานผ่านระบบเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การพัฒนา NETPIE IoT Platform สู่ภาคอุตสาหกรรม ยังเป็นสามารถช่วยลดต้นทุนของนำเข้าซอฟต์แวร์และการใช้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์จากต่างประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาคอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Internet of Things เป็นสิ่งที่ทั่วโลกตื่นตัวมากมีการคาดการณ์ถึงการใช้งานอุปกรณ์ด้าน IoT ทั่วโลกถึง 5 หมื่นล้านชิ้นในปี 2020 โดยอุปกรณ์ IoT สามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันผ่านโพรโทคอลการสื่อสารทั้งแบบใช้สายและไร้สาย นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมและบริการแห่งอนาคต เช่น ระบบเซ็นเซอร์ภายในบ้านตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัย ระบบการส่งสัญญาณสั่งเปิด-ปิด อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด อุปกรณ์วัดสัญญาณชีพของผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และการส่งข้อมูลของอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือระบบส่งข้อความเรียกหน่วยกู้ชีพหรือรถฉุกเฉิน เป็นต้น ในการพัฒนา IoT สิ่งที่ประเทศไทยขาด คือ บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคือรากฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบดังกล่าว ในด้านบุคลากร การสร้างความเข้าใจให้สังคมทราบถึงเทรนด์เทคโนโลยีในอนาคตที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเตรียมตัวใช้งานด้าน Internet of Things อย่างรู้เท่าทัน และเดินหน้าตามเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนไป
เนื่องจากเทคโนโลยี IoT เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องลงทุนสูงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ นักพัฒนาไทยมีศักยภาพสูงทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และความคิดสร้างสรรค์ ถ้าได้รับการส่งเสริม เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถเป็นหนึ่งในผู้นำการสร้างนวัตกรรมด้าน IoT ของโลกได้
ดร.พนิตา กล่าวอีกว่า ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศจำเป็นต้องมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรวมถึงแพลตฟอร์มคลาวด์ภายในประเทศเพื่อรองรับการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์IoT ต่างๆ การใช้แพลตฟอร์มต่างชาติส่งผลให้ข้อมูลถูกส่งออกนอกประเทศ เป็นการสิ้นเปลืองแบนด์วิดท์และเพิ่มระยะเวลาสื่อสารโดยใช่เหตุ แพลตฟอร์ม NETPIE (https://netpie.io) ที่ทางศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติพัฒนาขึ้น ถือเป็นการวิจัยนวัตกรรมต้นแบบในการสนับสนุนการให้บริการแพลตฟอร์ม IoT ภายในประเทศ โดยจุดประสงค์ของโครงการที่ได้รับทุนจาก กทปส. นี้คือต้องการให้บริการแพลตฟอร์ม NETPIE ต่อสาธารณะ ได้อย่างต่อเนื่อง มีความเสถียรและความพร้อมใช้ของระบบในระดับสูงเทียบเท่าบริการแพลตฟอร์ม IoT เชิงพาณิชย์ของต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งานให้กับนักพัฒนา IoT ในประเทศ นอกจากนี้โครงการไม่ได้เน้นเพียงการพัฒนาเฉพาะแพลตฟอร์ม แต่ต้องการสร้างบุคลากรอันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ นักวิจัย นักพัฒนา นักเรียน นักศึกษา และผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์ IoT นวัตกรรมหรือแอปพลิเคชั่นด้าน IoT ในประเทศ ดังนั้น โครงการจึงมีกิจกรรม 2 ส่วนหลัก คือ ดูแลให้บริการแพลตฟอร์ม NETPIE และพัฒนาบุคลากรอันเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม IoT ในประเทศเป็นสำคัญ
"ในการดำเนินโครงการขยายผล NETPIE IoT Platform เงินทุนที่ได้รับจาก กทปส. จะนำมาดำเนินกิจกรรมพัฒนาบุคลากร ประกอบด้วย การจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ทั้งระดับนักพัฒนาและระดับผู้สอน (Trainer) การจัดประชุมสัมมนา การจัดประกวดนวัตกรรม IoT การสร้างเครือข่ายชุมชนนักพัฒนา IoT ในประเทศที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน โดยวางกรอบระยะเวลา 3 ปี จะมีกิจกรรมทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงในเขตภูมิภาค"
ดร.พนิตา กล่าวเพิ่มเติมว่า Internet of Things หรือ IoT จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า Industry 4.0 อาศัยการเชื่อมต่อสื่อสารการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องจักร มนุษย์ และข้อมูล โดยเทคโนโลยีที่ทำให้ IoT เกิดขึ้นได้จริงและสร้างผลกระทบในวงกว้างได้ แบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ 1) เทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพสิ่งรับรู้ข้อมูลในบริบทที่เกี่ยวข้อง เช่น เซ็นเซอร์ 2) เทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพสิ่งมีความสามารถในการสื่อสาร เช่น ระบบสมองกลฝังตัว รวมถึงการสื่อสารแบบไร้สายที่ใช้พลังงานต่ำ อาทิ Zigbee, 6LowPAN, Low-power Bluetooth และ 3) เทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพสิ่งประมวลผลข้อมูลในบริบทของตน เช่น เทคโนโลยีการประมวลผลแบบคลาวด์ เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data Analytics การพัฒนานอกจากนี้ทางเนคเทคจะพัฒนา NETPIE Library เพิ่มเติมเพื่อรองรับฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ และระบบสมองกลฝังตัวที่หลากหลายขึ้น และเปิดเผย NETPIE Library ในรูปแบบ open-source ให้นักพัฒนาสามารถนำไปปรับปรุงต่อให้ตรงกับความต้องการใช้งาน พร้อมเปิดโอกาสให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ (NETPIE Library ทั้งหมดเปิดเผยอยู่ที่ https://github.com/netpieio) โดยเนคเทคหวังที่จะให้เกิด community ที่จะมาร่วมกันพัฒนาต่อยอดสร้างความเข้มแข็งให้กับวงการIoT ของไทย