ด้านไฮไลท์ตามชื่องานที่ต้องบอกว่า "ฟิน" แน่ๆ นอกจากเตรียมพบกับ 1. โชว์นายแบบ โชว์เต้นกว่า 100 ชีวิต 2. ระบบเสียงแสงและพลุไฟเต็มรูปแบบ ยังแถมท้ายแบบจุใจ และข้อสุดท้ายที่คู่ควรสุดๆ พลาดไม่ได้ 3. การรวบรวม "ดีเจชื่อดังจากต่างประเทศ" และ "ดีเจชื่อดังของไทย" ที่มีแฟนคลับทั่วโลกจำนวนมาก (โดยเฉพาะชาวเก้งอย่างเราๆ ติดตามกันเรือนแสน ** ที่ไม่แสดงตัวอีก ไม่อยากจะนับ) มาไว้ในงานแบบครับครัน หาโอกาสออจี้ เอ๊ย!! ให้ออเจ้าได้ฟินแบบนี้น้อยมาก พลาดไปก็ไม่รู้จะว่าไง คัดมาแต่ไฮไลท์ ลงเรียกน้ำย่อยให้ดู
ชูเอา ลาบรินชา หรือชื่อที่แฟนๆ รู้จักในวงการเพลงว่า "เฮาส์ ออฟ แลบส์" (House of Labs) เกิดที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีในปี 2007 จากการเป็นดีเจที่ "Trumps" หนึ่งในไนท์คลับที่ดังที่สุดของลิสบอนในยุคนั้น ซึ่งเขาเป็นดีเจประจำอยู่ที่นั่นนานกว่า 10 ปี ส่วนปัจจุบันเขาเป็นดีเจประจำอยู่ที่ "POSH" คลับยอดนิยมของชาว LGBT ในลิสบอน ทั้งยังเดินทางตระเวนแสดงทั่วโลก ด้วยพรสวรรค์ที่มีมากับตัว งานรีมิกซ์ศิลปินเพลงป๊อปของเขาในยุคแรกๆ แม้จะยังเป็นชิ้นงานอย่างไม่เป็นทางการ ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกโซเชี่ยล ทำให้ในเวลาไม่นานเขาก็ได้รับการติดต่อไปรีมิกซ์เพลงให้ศิลปินดังๆ โดยในปี 2012 ลาบรินชา ในนามของ House of Labs ได้รับโอกาสไปรีมิกซ์เพลงให้ อดัม แลมเบิร์ต นักร้องเกย์คนดัง อย่างเป็นทางการ และจากนั้นเขาก็ได้ไปทำงานให้กับอีกหลายๆ คน อาทิ เคลลี่ คล้าร์กสัน, บริตนี่ย์ สเปียร์ส และ The Wanted เป็นต้น
ปี 2015 ผลงานรีมิกซ์เพลง "Let The Joy Rise" (เวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นของ Abigail feat. Toy Armada & DJ GRIND) กลายเป็นเพลงฮิตตามงานปาร์ตี้ใหญ่ๆ ทั่วโลก จากนั้นปี 2017 งานรีมิกซ์อย่างเป็นทางการของเขาในเพลง "Move Your Body" ของ Sia กับ "Slumber Party" ของ บริตนี่ย์ สเปียร์ส ไม่เพียงติดท็อปเทนชาร์ตเพลงแดนซ์Billboard Dance Charts ของอเมริกาเท่านั้น แต่ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งทั้งสองเพลงเลยด้วย ยิ่งทำให้ชื่อของ House of Labs โด่งดังขจรขจาย
House of Labs ที่ฝึกฝนการเป็นดีเจด้วยตัวเอง และผันตัวไปสู่การรีมิกซ์เพลง ทัวร์ที่ประเทศบราซิล ถึง 3 รอบ รวมถึงงานเทศกาลดนตรีนานาชาติที่มีชื่อเสียงอย่าง Hell & Heaven Festival และไม่เพียงในบราซิลเท่านั้น House of Labs ยังประสบความสำเร็จในประเทศอื่นๆ ในอเมริกาใต้ และทั่วทวีปยุโรป ในงานปาร์ตี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Beyond, The Farm , WE party, Matinee Circuit และ Freedom Festival เท่านั้นไม่พอ House of Labs ยังร่วมแสดงในงานใหญ่ประจำปีของชาวรักร่วมเพศ "Maspalomas Gay Pride" ที่ กราน กานาเรีย ในปี 2017
ปัจจุบัน House of Labs ไม่ได้เป็นเพียงศิลปินคนหนึ่ง แต่ยังเป็นค่ายเพลงที่นอกจากงานของออริจินัลตัวเองแล้ว ยังมีผลงานของศิลปินในสังกัด ที่ร่วมกันสร้างธีมเพลง Peak Timeกับ Late Night ให้กับ Big Room Anthem Circuit House ด้วยการผสมผสานของเครื่องดนตรีชนเผ่าแบบโปรเกรสซีฟ ทำให้ชื่อของ House of Labs เป็นที่รู้จักทั่วโลกมากขึ้นไปอีก พิสูจน์ง่ายๆ จากลิสต์เพลงตามงานเทศกาลเพลงต่างๆ ที่จะมีเพลงรีมิกซ์ของ Hous of Labs อย่างน้อยหนึ่งเพลง
BRIAN CUA ไบรอัน กัว เริ่มต้นอาชีพในฐานะดีเจประจำที่ BED คลับเกย์ในตำนานในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และจากการทำงานบู๊ทเลก รีมิกซ์ในเว็บdirrtyremixes.com ตอนนี้ ไบรอัน เป็นหนึ่งในรีมิกเซอร์ชาวฟิลิปปินส์ไม่กี่คน ที่มีเพลงฮิตติดชาร์ต Billboard Club Dance Charts ของอเมริกา และจนถึงตอนนี้เขาได้รีมิกซ์เพลงอย่างเป็นทางการให้ป๊อปสตาร์ระดับโลกอย่าง มาดอนน่า (Living For Love, Ghost Town) , บียอนเซ่ (7/11, Pretty Hurts, Love On Top) ไปจนถึง ปารีส ฮิลตัน, มาร์ธ่า วอลช์, เดบอร่าห์ ค็อกซ์, แชร์ และอีกมากมาย ส่วนผลงานในประเทศ ไบรอัน โปรดิวซ์เพลงฮิตให้ Kidwolf, Aiai Delas Alas, Jed Madela, Charice, Angeline Quinto และVice Ganda นอกจากนี้ยังได้รับเชิญไปเล่นตามคลับชั้นนำอย่าง Revel, Liv, Nectar, XXXX และ O Bar ขณะที่ในต่างประเทศ เขาไปแสดงในคลับดังๆ อาทิ The Endup (ซาน ฟรานซิสโก), The Cuff (ซีแอตเทิ่ล) และ Town Dance Boutique (วอชิงตัน ดีซี) ตลอดจน Destination (ปักกิ่ง) และ Taboo กับ Hyperise (สิงคโปร์) ในเอเชีย
ไบรอัน ยังร่วมแสดงในงานดนตรีในประเทศ อาทิ Jungle Circuit Party, Summer Siren และ Exception Music Festival และด้วยความสามารถในการผสมผสานดนตรีแนวป๊อปกับ EDM และ Tribal Circuit และประสบการณ์จากการเป็นโปรดิวเซอร์ยาวนานหลายปี ทำให้ไบรอันเป็นดีเจยอดนิยมที่มีมีความโดดเด่นของงานดนตรีทั้งเทศกาลดนตรีและคลับต่างๆ
Thomas Solvert โธมัส โซลเวิร์ต เริ่มต้นเป็นดีเจในปี 2003 นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาขยายแนวดนตรีอิเลคโทรนิกส์ของตัวเองออกไปหลายแขนง นั่นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินหัวก้าวหน้าที่สุดของสเปน ปัจจุบัน โธมัสทำงานแนว house และ tech-house ซึ่งด้วยประสบการณ์และความสามารถของเขา ทำให้เขาชนะการแข่งขัน Free Style Contest ของ Room Studio 42 ในกรุงมาดริด ปี 2008 และรางวัลนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญต่ออาชีพดนตรีของเขา เพราะทำให้เขาได้ทำงานที่คลับในสเปนหลายๆ แห่ง โดยตอนนี้เขาทำงานกับเอเจนซี่อย่าง SuperMatriX Group (บราซิล) และ LidoMarlins (สเปน) เอกลักษณ์ในการแสดงของเขาคือ "Cool & Fun" ด้วยการแสดงที่จัดหนักจัดเต็มด้วยดนตรีที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น ทำให้โชว์ของเขาไม่เคยซ้ำซาก โดยตลอดหลายปีมานี้ โธมัสทุ่มเทกับการผลิตเพลง และเซ็นสัญญากับค่ายเพลงหลายค่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
Herric Pu เฮอร์ริค พู เกิดและโตที่ไทเป, ไต้หวัน ปัจจุบันเป็นดีเจประจำอยู่ที่ Onana คลับดังใน เซินเจิ้น, ประเทศจีน เฮอร์ริคเป็นดีเจที่นำพาผู้นิยมการเที่ยวราตรีบ้าคลั่งมานานหลายปี และได้รับเชิญไปเป็นดีเจตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วทวีปเอเชียมาหมดแล้ว ย้อนไปซัมเมอร์ปี 2015 เขาได้เป็นดีเจเปิดคอนเสิร์ตให้ อเล็กซ์ อคอสต้า ในงาน Summer Heaven Party และปี 2016 ก็ไปแจมกับ ดีเจอีวาน โกเมซ ในงาน Spring Heaven Party (เซี่ยงไฮ้) ในเดือนเมษายน ตามด้วยแจมกับดีเจเปาโล ในงาน Summer Heaven Party (เซี่ยงไฮ้) ในเดือนมิถุนายน สไตล์ของดีเจเฮอร์ริค มีกลิ่นอายของ hard-hitting tribal กับ house ที่สร้างซาวนด์ใหม่ๆ ปลุกเร้าเหล่านักเที่ยวให้โชว์เซ็กซี่แดนซ์บนฟลอร์อย่างต่อเนื่อง และด้วยสไตล์ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์, ดุดัน และการเปิดแผ่นที่ไหลลื่น ดีเจเฮอร์ริคจึงไม่เพียงสร้างความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้น แต่ยังเฉิดฉายอย่างต่อเนื่องด้วย'
ด้านดีเจคนไทยไม่น้อยหน้า ที่กำลังมาแรง GAPPYDEEJAY เจ้าของรางวัล No.1 of Ultimate DJ Mix By GMM Media (Atime) เก็บเกี่ยวประสบการณ์งานตรงสาย ดีเจประจำที่ The Babylon ดีเจ past time ที่ G.O.D Bangkok, Songkarn Pool Party Special Splash Out By G-Spot, So Sofitel Bangkok Hi-So Rooftop Bar เป็นดีเจตั้งแต่ปี 2005 และเป็นนัก Remixer "As a DJ since 2005 and Remixer in Asia" และ DJ NUI OKB THAILAND Original King Beat (OKB) is a Disc Jockey Team. Spinning in Night Clubs, Parties and Events. เป็นต้นฉบับของ ดีเจ ที่ทำงานกันเป็นทีม (ไม่ใช่ศิลปินเดี่ยว) ทั้งใน night club งานปาร์ตี้ และอีเว้นทต่างๆ มีประสบการณ์มากมายในการเป็นดีเจในงานออกาไนซ์ และทำงานที่ไนท์คลับหลายแห่ง
เอาเป็นว่า สายตื๊ด สายเก้ง สายย่อ หรือสายไหน กลุ่มใด อยากพิสูจน์ และหากมีใจฝักใฝ่ในเรื่องของความฟิน พลาดไม่ได้กับงานนี้ Fin Wonderland Festival On The Beach (ฟิน วันเดอร์แลนด์ เฟสติวัล ออน เดอะ บีช) จัดขึ้นรอบเดียวเท่านั้น วันเสาร์ที่ 7 เม.ย. ณ หาดบ้านอำเภอ นาจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี บัตรราคา ใบละ 2900 บาท, แบบกลุ่ม (4 คน) 10000 บาท แบบโต๊ะ vip (10 คน) 80000 บาท ทางไปซื้อตั๋ว https://www.ticketmelon.com/gdk/finwonderlandfestival โทรศัพท์ 02 026 3068 อัพเดทความเคลื่อนไหวและรายละเอียดเพิ่มเติมทาง https://www.facebook.com/FinWonderlandFestival/