เรื่องราวในโลกอนาคต มนุษย์ทุกคนจะต้องได้รับการฝัง คอมพิวเตอร์ชีวภาพ (biosyn computer) ที่จะบันทึกทุกกิจกรรมในชีวิตของพวกเขา คอมพิวเตอร์นี้ชื่อว่า The Mind's Eye ซึ่งมันทำให้ทุกคนไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป ข้อมูลของทุกคนสามารถปรากฏต่อสายตาของคุณ ความเป็นส่วนตัวทั้งหมดจะสูญหายไปจากโลกนี้ ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกบันทึกลงบนฐานข้อมูลที่มีชื่อว่า The Ether ซึ่งเหล่าผู้รักษากฎหมายสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลนี้ได้ ซัล ฟรีแลนด์ (ไคลฟ์ โอเวน) ตำรวจผู้เผชิญกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ดูเหมือนว่าทุกคดีมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ซัลได้ออกตามหาตัวคนร้ายเหมือนดั่งที่นักสืบทั่วไปทำ แต่เมื่อ ซัล ได้ค้นลงไปในคดีเหล่านั้น พวกมันมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน สิ่งนั้นคือสัญญาณการพังทลายของระบบที่สังคมให้ความเชื่อถือ มีใครบางคนค้นพบวิธีเจาะระบบ The Ether เพื่อไปดัดแปลงบันทึกข้างใน เพื่อปกปิดการก่ออาชญากรรม ซัลได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง (อะแมนดา ไซเฟร็ด) ที่ Mind's Eye ของเขาไม่สามารถระบุตัวตนได้ แรกเริ่มเขาคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดของระบบ แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าหญิงสาวคนนั้นคือเบาะแสชิ้นแรกของเขา และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจในการตามหาหญิงสาวคนนั้นที่ไม่ควรมีตัวตนอยู่จริง
โดย ไคลฟ์ โอเวน รับบท ซัล ฟรีแลนด์ ตำรวจที่กำลังหมดไฟในการทำงาน "ซัล เป็นชายที่เห็นมากเกินไปครับ" แอนดรูว์ ผู้กำกับฯ กล่าว "นี่คือบทเรียนที่สำคัญสำหรับคนที่ทำงานด้วยการสอดแนมชีวิตของผู้อื่น เขาทราบว่าการเข้ามาของเทคโนโลยี ทำให้งานของตำรวจกลายเป็นแค่งานเอกสาร แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่ทุกคนเรียกว่าจุดสิ้นสุดของอาชญากรรมนั้นอาจจะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น และตัวเขาก็กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถเชื่อสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาได้อีกต่อไป"
สำหรับโอเวน ซัลคือตัวละครที่เขาสามารถเข้าใจความคิดได้ "เขาตามล่าคนร้ายที่อยู่นอกเหนือระบบ มันมีบางสิ่งที่ซัลสามารถสื่อถึงได้ เขามีความรู้สึกเล็ก ๆ ในใจที่แสดงหาความสันโดษ เพราะเทคโนโลยีรอบตัวเขามันทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า เขาได้เกี่ยวพันเข้าไปในคดีนี้เพราะว่าเขาได้พบกับ เดอะเกิร์ล ผู้ที่อยู่นอกเหนือระบบ"
และ อะแมนดา ไซเฟร็ด รับบท เดอะ เกิร์ล หญิงสาวลึกลับที่ระบบเข้าไปไม่ถึง อะแมนดารู้สึกดึงดูดในการรับบทที่ท้าทายเช่นนี้ "มันเล่นยากมากค่ะ ในฐานะของนักแสดงแล้ว ฉันพูดคุยและติดต่อผู้คนอยู่เสมอ ในขณะที่ เดอะเกิล เป็นตัวละครที่เงียบและเก็บตัว มันเป็นสถานการณ์ที่ดูประหลาดมาก ฉันต้องเล่นเป็นตัวละครที่ซ่อนอะไรไว้มากมาย แต่เธอก็ยังมีผลอย่างมากต่อเนื้อเรื่อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงอยากเล่นหนังเรื่องนี้ มันคือผลงานของแอนดรูว์"
ซึ่งอะแมนดายังรู้สึกว่าเธอสามารถเชื่อมโยงถึงความไม่เป็นส่วนตัวในเรื่องนี้ได้อย่างง่าย เมื่อเธอเริ่มมีชื่อเสียง เธอก็เริ่มถูกรุกรานความเป็นส่วนตัวมากขึ้น "ในฐานะที่ฉันคือหนึ่งในหน้าตาของสังคม บางทีมันก็ทำให้ฉันรู้สึกราวกับตัวของฉันมีเพียงแค่เปลือกนอก" เธออธิบาย "แต่ก่อนมันเหมือนมีการแบ่งแยกเขตแดนชัดเจน แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้มันไม่มีเขตแดนนั้นแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้เล่นละครที่มีฉากเปลือยกายเล็กน้อย เดิมทีฉันรู้สึกปลอดภัยเพราะมันเป็นโรงละครที่มีเพียง 300 ที่นั่ง แต่แล้วกลับมีคนบางคนอัดวีดีโอเอาไว้และเผยแพร่มันลงบนอินเทอร์เน็ต ฉันรู้สึกราวกับฉันเปลือยเปล่าและควบคุมอะไรไม่ได้ ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งว่าความเป็นส่วนตัวนั้นเป็นเสมือนของหายาก และคุณก็ต้องเก็บรักษามันไว้ให้ดี"
'พวกเราจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเราได้มากเพียงใด และผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร'" ติดตามการไล่ล่าระทึกขวัญ ระหว่าง ไคลฟ์ โอเวน และ อะแมนดา ไซเฟร็ด ได้ใน "Anon อานอน แหกกฎล่า ฆ่าล้ำอนาคต" 10 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์