สุดทึ่ง! รายการศึกเจ้านักกินได้แชมป์คนแรก แน็ต หนุ่มเชียงใหม่ คว้าแชมป์ “เจ้านักกิน” คนแรกของประเทศไทย

รายการศึกเจ้านักกินจากผู้สมัครทั่วประเทศจนเหลือผู้เข้าแข่งขัน 25 คนในรายการที่ฝ่าฟันกับโจทย์สุดหินทุกสัปดาห์จนมาถึงโค้งสุดท้ายที่เหลือผู้เข้าแข่งขันจำนวน 6 คน คือ แน็ต, แบงค์, ปั้น, โป้ง, เจมส์ และ เอ็กซ์ ที่ต้องมาเจอกับบททดสอบกระเพาะเหล็กสุดหินแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในรายการ คือ โจทย์กินรสไทยผู้เข้าแข่งขันต้องกินอาหาร 3 มื้อภายใน 1 วัน

โดยภารกิจมื้อเช้ากับเมนูแรกที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้วัดพลังกระเพาะกันเริ่มต้นที่ "เมนูโจ๊กฮ่องกงเสิร์ฟพร้อม ปาท่องโก๋ฮ่องกงและไข่ออนเซ็น" เมนูร้านขึ้นชื่อของร้าน Kanom น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม ต่อ 1 ชุด โจ๊ก ถือเป็นอาหารกินง่าย ทำให้นักกินจุ กินกันได้อย่างรวดเร็วเพื่อกินให้ได้เร็วที่สุด ภายในเวลา 45นาที โดยเจมส์และปั้น วางแผนการกินโดยฉีกปาท่องโก๋และกินไปพร้อม ๆ กับโจ๊ก ในขณะที่แบงค์ วางแผนการกินคือ กินเรื่อย ๆ แต่ให้ได้มากที่สุด เวลาผ่านไป 10 นาที กลุ่มผู้นำคือ แน็ต, โป้ง และ ปั้น กินไปได้ 3 ชาม และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นประมาณ 10 นาทีสุดท้าย ผู้เข้าแข่งขันหลายคนหยุดกิน และเจมส์ ได้อาเจียนออกมากลางวงแข่งขัน ทำให้เจมส์โดนปรับแพ้ FOUL และต้องออกจากการแข่งขัน ส่วนผู้ชนะในรอบแรกคือ แน็ต กินโจ๊กฮ่องกงเสิร์ฟพร้อม ปาท่องโก๋ฮ่องกงและไข่ออนเซ็น ไปได้ทั้งสิ้น 4 ชาม น้ำหนักรวม 4.8 กิโลกรัม

มาถึงโจทย์อาหารกลางวันกับ "เมนูบะหมี่จอมพลัง" เครื่องแน่น ๆ จากร้านบะหมี่จอมพลัง ร้านอาหารแรก ๆ ที่จัดแข่งขันกินจุ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันต้องกิน บะหมี่ 2 ก้อน Topping ด้วยหมูแดง ผักลวก ไข่ลวกครึ่งฟอง เกี๊ยวหมูนุ่ม และ เกี๊ยวกรอบ น้ำหนัก 250 ต่อ 1 ชาม โดยกติการอบนี้ต้องกินให้เยอะที่สุด เพื่อที่จะได้ 3 คนสุดท้ายไปแข่งขันในรอบ Final Battle เริ่มต้นการแข่งขันนักกินทุกคนเริ่มต้นที่เส้น มีเพียง ปั้น ที่เริ่มกิน Topping ก่อน โดยแข่งขันรอบนี้ แน็ต ยังคงเป็นผู้นำและชนะการแข่งขัน โดยสามารถกินบะหมี่จอมพลังไปได้ทั้งสิ้น 14 ชาม น้ำหนักรวม 3.5 กิโลกรัม ส่วนอีก 2 คนที่ได้ผ่านเข้ารอบเป็นไปตามคาดคือ ปั้น และ โป้ง ที่สามารถกินบะหมี่จอมพลังไปได้จำนวน 13 ชาม น้ำหนักรวม 3.25 กิโลกรัม

บรรยากาศการแข่งขับรอบ Final Battle ที่เนรมิตสตูดิโอกันตนา บางใหญ่ ให้เป็นเวทีแห่งการประลองกินของ 3 นักกินในรายการคือ โป้ง ผู้แข่งขันที่ชนะในรอบกินรสไทย 1 ครั้ง และ กินหนีตาย 1 ครั้ง, แน็ต ผู้แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อชนะในรอบกินรสไทยถึง 7 ครั้ง และแข่งขันรอบกินหนีตายเพียงครั้งเดียว และปั้น ผู้แข่งขันที่ชนะในรอบกินรสไทย 1 ครั้ง และ กินหนีตาย 1 ครั้ง ซึ่งเมนูอาหารมื้อที่ 3 ที่ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 3 คน ต้องสู้เพื่อตำแหน่ง"เจ้านักกิน" เป็นอาหารพื้นฐานของคนไทยและคุ้นเคยอย่างดีก็คือ "ข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว" น้ำหนัก 200 กรัม ต่อ 1 จาน โดยกติกาคือ เวลา 60 นาที ผู้เข้าแข่งขันต้องกินข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาวให้หมดจาน และให้ได้มากที่สุด ใครที่กินได้จำนวนมากที่สุดสามารถคว้าตำแหน่ง "เจ้านักกิน" คนแรกของประเทศไปครองได้ เมื่อสัญญาณความพร้อมดังขึ้น 3 นักกินจุ สู้กันอย่างดุเดือด โดยโป้ง ได้ขึ้นนำก่อน 1 จาน การแข่งขันดำเนินมาเรื่อย ๆ ผู้เข้าแข่งขันใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 1 นาที ในการกินกะเพราหมูสับไข่ดาว 1 จาน แน็ต และ โป้ง ตีคู่กันมา ในขณะที่ปั้นเป็นผู้ตาม แม้ว่าเมนูในครั้งนี้จะกินง่าย แต่มีความแห้ง ดังนั้นทำให้ผู้เข้าแข่งขันต้องดื่มน้ำตามบ่อยกว่าทุกครั้ง และน้ำอาจจะเป็นอุปสรรคในการกินให้อิ่มเร็ว เวลาผ่านไป 30 นาที 3 ผู้เข้าแข่งขันกินไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่ 30 นาทีหลัง นักกินจุเริ่มกินช้าลง อาจจะเป็นเพราะอุปสรรคคือน้ำที่ทำให้อิ่มเร็ว 20 นาทีสุดท้าย แน็ต คือ ผู้นำกินไปได้ทั้งหมด 19 จาน และประมาณ 5 นาทีสุดท้าย ปั้น และโป้ง เริ่มหยุดกิน ส่วนแน็ต ยังกินได้เรื่อย ๆ จนเหลือเพียง 10 วินาทีสุดท้าย และผลเป็นไปตามที่แฟน ๆ รายการคาด แน็ต สามารถคว้าตำแหน่ง "เจ้านักกิน" คนแรกของประเทศไทยครองได้สำเร็จ โดยสามารถกินข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาวไปได้ทั้งสิ้น22 จาน น้ำหนักรวม 4.4 และถ้ารวมสถิติการแข่งกินรสไทย 3 มื้อในโค้งสุดท้ายนี้ แน็ต เจ้านักกินคนแรกของประเทศ กินเมนูอาหารต่าง ๆ ไปได้ทั้งสิ้น12.7 กิโลกรัม สมศักดิ์ศรีการเป็นเจ้านักกิน คนแรกของประเทศไทยมากเลยทีเดียว

แม้ว่า "รายการศึกเจ้านักกิน" จะได้แชมป์เจ้านักกินไปแล้ว แต่ถ้าหากแฟน ๆ รายการอยากที่จะชมความดุเดือนของเหล่านักกินในรายการ สามารถติดตามได้ทาง youtube Channel : Thailand Food Fighter และเตรียมพบกับรายการศึกเจ้านักกิน รายการเรียลลิตี้แข่งกินระดับประเทศที่รวมพลนักแข่งกินมืออาชีพมาโชว์พลังกระเพาะเหล็กให้ผู้ชมได้ตื่นตะลึงเป็นประวัติการณ์ใน Season 2 โดยติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง Facebook ศึกเจ้านักกิน