นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน แสดงสินค้า "SPORT & MUAYTHAI CLUSTER FESTIVAL 2019" ณ ลาน Siam discovery plaza ว่า สสว. เน้นการกระตุ้นความเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการ รวมไปถึงการพัฒนาช่องทางการตลาดในเชิงรุกผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงสินค้าและการเจรจาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของไทยให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้รู้จักมากขึ้น ซึ่งทั้งเครือข่าย SPORT และมวยไทย ได้ไปร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกในต่างประเทศมาแล้ว ทั้งงาน SPORTEC & HEALTH FITNESS JAPAN ที่ประเทศญี่ปุ่น และงาน FIBO GLOBAL FITNESS 2019 ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง
ผอ. สสว. กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าและบริการของกลุ่มสินค้ากีฬาให้มีนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันคนเล่นกีฬาและออกกำลังกาย สนใจฟังก์ชั่นการใช้งานของสินค้าแบบใหม่ๆ มากขึ้น ในขณะผู้หญิงยังต้องการดีไซน์ที่ทันสมัยและสวยงามอีกด้วย ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าและบริการของตนให้ตอบสนองผู้บริโภคให้ตรงความต้องการที่หลากหลาย
ผอ.สสว. กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีแบรนด์ไทยหลายแบรนด์ผลิตสินค้าด้านกีฬาให้กับตลาดโลกมากมาย ทั้งการเป็นเจ้าของแบรนด์หรือการรับผลิต รวมทั้งสินค้าและบริการกีฬาของไทย ในหลายแบรนด์ได้พัฒนาตัวเองจนได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศ และกำลังผลักดันสู่ต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นตัวอย่างของการพัฒนาตนเองให้เห็นเป็นรูปธรรม ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรต้องคว้าโอกาสสำหรับการเติบโตของธุรกิจนี้ไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬาทั้งเสื้อฟุตบอล เสื้อวิ่ง เสื้อแบดมินตัน อุปกรณ์ฟิตเนส ที่กำลังได้รับความนิยม
"สสว. คาดหวังว่าสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในครั้งนี้ อยากให้ผู้ประกอบการทุกคนใช้โอกาสนี้ในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคคนไทย พฤติกรรมของวัยรุ่น วัยทำงานที่ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ เพื่อประสิทธิภาพในการวางแผนธุรกิจและการตลาดของตนเองต่อไปในอนาคต" นายสุวรรณชัย กล่าว
ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ พานิชชีวะ รองประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการจัดงาน "SPORT & MUAYTHAI CLUSTER FESTIVAL 2019" ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 8 กันยายน 2562 ณ ลานสยามดิสคัฟเวอรี่พลาซ่าในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่าย SPORT ECONOMY และ เครือข่ายมวยไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคในประเทศได้รู้จักผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬาและออกกำลังกายของไทย ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์ของสมาชิกเครือข่าย การเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสมาชิกเครือข่าย รวมถึงเป็นการเก็บข้อมูลด้านการตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยต่อสินค้ากีฬาของไทย เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่อตลาดในปัจจุบันให้ดียิ่งขึ้น
นายณรงค์ฤทธิ์ เผยอีกว่า การคัดเลือกสินค้าและบริการจาก 2 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายมวยไทย และเครือข่ายกีฬา จำนวน 48 สถานประกอบการ เข้าร่วมจำหน่ายและแสดงสินค้าภายในงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าของผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการพัฒนาและอบรมเพิ่มศักยภาพภายใต้โครงการ รวมถึงการเข้ารับการพัฒนาเชิงลึกจากที่ปรึกษา อาทิ แบรนด์ TUFF ที่พัฒนาด้านการบริหารจัดการ บริษัทไดเอ็ทปั๊ม จำกัด กับการพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาส่วนบุคคลด้านกีฬาเฉพาะด้าน มวยไทยโคราชที่พัฒนาด้าน แบรนดิ้งและการบริการ
"การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ คาดหวังว่าจะทำให้สินค้าด้านกีฬาของไทยได้รับความนิยมและความเชื่อถือจากคนไทยมากขึ้น สามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างประเทศได้" นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าว