กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ประเดิมจ่ายปันผลและคืนเงินทุนครั้งแรก รวม 0.27038 บาทต่อหน่วย วันที่ 19 มี.ค. นี้

พฤหัส ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๑๕:๑๓
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 ในอัตราหน่วยละ 0.23038 บาท และจ่ายคืนเงินทุนครั้งที่ 1 ในอัตราหน่วยละ 0.040 บาท โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) จากหน่วยละ 10.00 บาท เหลือหน่วยละ 9.960 บาท หรือรวมแล้วจ่ายเงินปันผลพร้อมจ่ายคืนเงินทุนเป็นเงินทั้งสิ้น 0.27038 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม 2562 - 31 ธันวาคม 2562
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ประเดิมจ่ายปันผลและคืนเงินทุนครั้งแรก รวม 0.27038 บาทต่อหน่วย วันที่ 19 มี.ค. นี้

ทั้งนี้ บริษัทจัดการกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 5 มีนาคม 2563 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการรับเงินปันผลและรับคืนเงินทุน ในวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่จะถึงนี้

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน SUPEREIF ประจำปี 2562 (7 สิงหาคม 2562 - 31 ธันวาคม 2562) มีรายได้รวม 302.9 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิ 301.9 ล้านบาท และดอกเบี้ยรับ 1.0 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 220.7 ล้านบาท อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 72.8% อย่างไรก็ดี ปี 2562 กองทุนมีการปรับมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิ ลดลงให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรมของสิทธิในรายได้สุทธิที่มีการประเมินโดยผู้ประเมินราคาอิสระด้วย หรือปรับจาก 7,928.0 ล้านบาท เป็น 7,826.0 ล้านบาท จึงรับรู้รายการขาดทุนสุทธิจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน 102.0 ล้านบาท

นายพรชลิต กล่าวว่า กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์

แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4