นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่ราคาทองคำในประเทศทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 2 หมื่นบาท ส่งผลให้นักลงทุนออกมาเทขายทำกำไรกันเป็นจำนวนมาก โดยประเมินว่าราคาทองคำแท่งในประเทศจะทำราคาเหนือระดับบาทละ 2 หมื่นบาทต่อไปได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงควบคู่ไปด้วย เพราะแม้ภาพรวมของทองคำจะมีแนวโน้มขาขึ้น แต่ก็มีโอกาสแกว่งตัวได้มากขึ้น คือมีการปรับฐานลงลงเร็ว และรุนแรง เช่น ราคาทองคำสามารถขึ้นและลงได้ในราคา 300-400 บาทภายในหนึ่งวัน
ดังนั้งนักลงทุนที่จะลงทุนในทองคำช่วงนี้ ต้องรู้จักการบริหารความเสี่ยงให้ดี คือต้องถามตัวเองด้วยว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และหากเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ แนะนำให้ศึกษาเรื่องการลงทุนก่อน และควรที่จะเริ่มลงทุนในจำนวนที่น้อย เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนให้ดีขึ้น ส่วนแนวโน้มราคาทองคำปี 2554 จากปัจจัยบวกจากมาตรการเพิ่มสภาพคล่องในระบบของธนาคารกลางสหรัฐที่มีผลต่อเนื่องไปถึงเดือน มิ.ย. 2554 ส่งผลให้ยังเป็นช่วงขาขึ้นอยู่ แม้จะมีปัจจัยในส่วนของค่าเงินบาทที่เป็นอุปสรรคบ้าง แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบน้อยกว่าในปีนี้
บทวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและก็สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในรอบทศวรรษที่ระดับ 1431 เหรียญ หลังจากนั้นได้มีแรงเทขายทำกำไร ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องสลับกับการเทขายทำกำไร ทองคำมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1390 เหรียญ และ แนวต้านที่ระดับ 1410 เหรียญ ทองคำแท่งไทยมีแนวรับที่ 19800 แนวต้านที่ 20000 บาท ซึ่งเป็นระดับแนวรับแนวต้านรายวัน Gold Futures Series Z มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19900 บาท และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 20050 บาท สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์ปรับฐานตามการแกว่งตัวของราคาบริเวณแนวรับด้านบนทั้งหมด นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ดังที่เมื่อวานที่ให้ขายไปแล้ว port ที่ให้ถือ10-20% ให้หาจังหวะเข้าช้อนซื้อที่ บริเวณแนวรับที่ 1390 เหรียญ นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ให้รอจังหวะเข้าช้อนซื้อในช่วง 1 — 2 วันนี้ ทั้งนี้สำหรับลูกค้าทุกท่านที่สนใจเนื้อหาการลงทุน สามารถเข้าชมได้ที่ MTS Academy หรือติดต่อได้ที่ Call Center 02-222-5959