บล.ทรีนีตี้ เปิดสถิติการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ แนะกลยุทธ์ถือหุ้น “Let profit run” และขายทำกำไรก่อน 19 พย.

พฤหัส ๐๖ พฤศจิกายน ๒๐๑๔ ๑๕:๕๑
บล.ทรีนีตี้ ชี้ผลเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ “พรรครีพับลิกัน” ชนะเสียงข้างมากอาจฉุดดัชนี S&P500 กว่า 4% ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ก่อนจะทยานขึ้น 8% เชื่อกระทบตลาดหุ้นไทยให้ผันผวนตาม แนะกลยุทธ์ถือหุ้น Let profit run ก่อนหาจังหวะขายทำกำไรก่อนวันที่ 19 พฤศจิกายน มองกรอบการลงทุน 1,540-1,610 จุด สั่งลุยหุ้น ADVANC, INTUCH, TICON, HEMRAJ, CK, KTIS, PTTEP, PTTGC, ROBINS, TPOLY

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ซึ่งปรากฏเป็นที่แน่นอนแล้วว่าพรรครีพับลิกันจะได้กลับมาครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2006 ว่า การเปลี่ยนแปลงขั้วของเสียงข้างมากในวุฒิสภานี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยในการเลือกตั้งกลางเทอม โดยจากการสำรวจตั้งแต่ปีค.ศ. 1980 เป็นต้นมา พบว่ามีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นได้แก่ปีค.ศ. 1986 และ 1994 ซึ่งการปรับตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังจากการเลือกตั้งในช่วง 2 ปีดังกล่าวพบว่า ดัชนี S&P500 มีการพักตัวในช่วง 2 เดือนแรก และอาจมีการย่อตัวได้ถึง 3-4% ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 หลังการเลือกตั้ง ก่อนที่ดัชนีจะเริ่มฟื้นตัวและทะยานขึ้นหลังจากนั้นกว่า 8%

“หากเปรียบเทียบ ดัชนี S&P500 ในรอบปัจจุบัน ซึ่งมีการปรับตัวก่อนหน้าการเลือกตั้งที่คล้ายกับสถิติเก่ามากทีเดียว จึงมีโอกาสที่ในช่วงถัดไปอาจมี Pattern ของการปรับตัวคล้ายๆ กับอดีตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวที่ดีของตลาดหุ้นในปีหน้า หลังจากนโยบายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯมีโอกาสถูกผลักดันมากขึ้น ซึ่งนาย Barack Obama กล่าวยอมรับแล้วว่าพร้อมที่จะเจรจากับทางฝั่งพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ และถ้าหากมาตรการปฏิรูปภาษีถูกผลักดันได้จริง จะเกิดประโยชน์ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างแน่นอน” นายณัฐชาตกล่าว

อย่างไรก็ดีจากสถิติดังกล่าวพบว่าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อาจมีการย่อตัวได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่จะมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญเข้ามากดดัน ได้แก่ คาดการณ์รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 19 พฤศจิกายน มีโอกาสจะส่งสัญญาณเข้มงวด หรือมีความเห็นที่ Hawkish มากขึ้น และด้วยค่าสหสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นไทยที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งกว่า 72% ในช่วง 1 เดือนล่าสุด ทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวด้วย

สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในช่วงนี้ยังคงให้ถือหุ้น Let profit run ต่อไป โดยมีจุดที่น่าสนใจในการแบ่งขายทำกำไรออกมาก่อนในช่วงก่อนวันที่ 19 พฤศจิกายน และในช่วงที่ดัชนี SET Index กำลังรอปัจจัยใหม่ๆ นี้แนะนำให้ซื้อขายในกรอบการขึ้นลงของดัชนีในเดือนนี้ที่คาดการณ์ไว้ 1,540-1,610 จุด ส่วนหุ้นรายตัวแนะนำตาม The Big Picture ประจำเดือนนี้ ได้แก่ ADVANC, INTUCH, TICON, HEMRAJ, CK, KTIS, PTTEP, PTTGC, ROBINS, TPOLY

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest