นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดไตรมาส 1/2560 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560) มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,489 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 89 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 3.7% และคิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 โดยสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่กว่า 82% ของรายได้รวม อีกทั้ง ธุรกิจติดตามและบริหารหนี้ ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น และมั่นใจว่าจะเป็นอีกส่วนสำคัญที่ผลักดันกำไรของ JMART ให้เติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
โดยในไตรมาส 1/2560 รับรู้รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ อยู่ที่ 2,407 ล้านบาท หรือเติบโต 13 % จากปีก่อน ขณะที่รับรู้รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้และบริการอื่นๆ ภายใต้การบริหารงานของบริษัทย่อย JMT อยู่ที่ 371 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 70.7% เนื่องจากความสามารถในการบริหารหนี้และจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับรายได้ค่าเช่าภายใต้การบริหารงานของบริษัทย่อย J อยู่ที่ 173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ JAS URBAN Srinakarin
"เจมาร์ทเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่น มาจากการ Synergy ของบริษัทในเครือ ทั้ง JMART JMT J และ SINGER ผนึกกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจ ชูจุดเด่นจากการเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีช่องทางการขายมากที่สุดในประเทศไทย เรามองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก ณ ตอนนี้เป็นช่วงของการเติบโตของธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ และธุรกิจตามบริหาร และติดตามหนี้ ซึ่งเรามี Position ในตลาดค่อนข้างโดดเด่น ในช่วงต่อไปผมมั่นใจว่าบริษัทย่อย เช่น J Fintech, J และ Singer จะเป็น S Curve ต่อไปที่มาต่อยอดให้กลุ่มธุรกิจยิ่งเติบโตไปได้อีก" นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนและกล้องถ่ายรูปผ่านการบริหารงานของ บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ยังคึกคัก เชื่อมั่นว่าเจมาร์ทจะสามารถครองความเป็นเจ้าตลาดมือถือได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัว "Jaymart Lifetime Guarantee" จัดแคมเปญประกันตลอดอายุการใช้งานให้กับผู้บริโภค เพื่อสร้างความมั่นใจสำหรับการซื้อมือถือ 5 แบรนด์ดัง จากหน้าร้านเจมาร์ทและซิงเกอร์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับในด้านยอดขายที่ดีในไตรมาสที่ 2/2560 นี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 มีมติอนุมัติจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ (JMART-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ตามมติที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น เป็นจำนวนหลักทรัพย์ที่จัดสรรไม่เกิน 163,166,272 หน่วย โดยอัตราการจัดสรร 4.50 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ ทั้งนี้ JMART-W2 จำนวน 1 หน่วยมีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯได้ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 15 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี ใช้สิทธิได้ทุกไตรมาส โดยคณะกรรมการ กำหนดให้วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 เป็นวัน Record Date และปิดสมุดจดทะเบียนวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 นี้