นางเจนจิรา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ทีมสานฝัน ได้นำเทคโนโลยีที่ที่มีชื่อว่า Blockchain ที่ได้ รับรางวัล มาต่อยอดจัดตั้งองค์กรเพื่อช่วยเหลือชาวนา โดยเปิดเว็บไซต์ ที่มีชื่อว่า www.farmerhope.fund และนำเทคโนโลยีทางด้านการเงิน มาใช้ในการรับบริจาคเงินช่วยเหลือขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งมีถึง 20 เปอร์เซนต์ของคนไทยทั้งประเทศ สำหรับการช่วยเหลือไม่ใช่ในรูปแบบรับเงินบริจาคแล้วใช้หมดไป แต่เป็นองค์กรธุรกิจที่ช่วยเหลืออย่างยั่งยืนและดำเนินการต่อไปได้ด้วยตัวเอง เทคโนโลยี Blockchain นี้จะทำให้ผู้บริจาคสามารถตรวจสอบการนำเงินบริจาคไปใช้ได้ทุกขั้นตอน อย่างโปร่งใส และรู้ที่มาที่ไป เช่น เมื่อมีผู้บริจาคมา 5,000 บาท จะมีเส้นทางการเงินว่า เงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปช่วยเหลือชาวนาคนไหน เกี่ยวกับการลงทุนอะไรบ้าง และขั้นตอนของการผลิตตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว การจำหน่าย เมื่อชาวนามีการจำหน่ายแล้ว ต้นทุนเท่าไหร่ ขายได้เท่าไหร่ กำไรได้เท่าไหร่
สามารถตรวจสอบได้จริง โดยชาวนาที่ได้รับเงินช่วยเหลือจะต้องนำเงินทุนกลับมาคืน เพื่อนำไปหมุนเวียนช่วยเหลือชาวนารายอื่นๆ เพิ่มขึ้นต่อไป เป็นการต่อยอดไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนทางด้านความรู้ทางด้านการเกษตรจากผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย เราตั้งใจให้องค์กรนี้ เป็นการช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืน โดยลดต้นทุนในการผลิต สนับสนุนเงินลงทุนเพื่อจะได้ไม่เป็นหนี้ และหาตลาดรองรับ เป็นการทำงานแบบครบวงจร
เว็บไซต์ www.farmerhope.fund ได้เปิดดำเนินการมา 2 เดือนแล้ว มีผู้เข้าชมและกรอกข้อมูลแสดงความตั้งใจที่จะบริจาคช่วยเหลือเป็นมูลค่า 100,000 กว่าบาทแล้ว เงินจำนวนนี้จะสามารถนำเงินไปสนับสนุนชาวนาได้ถึง 10 ราย โดยเป็นการให้ความสนับสนุนทางด้าน พันธุ์ข้าวหอมมะลิ ปุ๋ย อุปกรณ์ทางการเกษตร และการบำรุงดูแลรักษา สำหรับผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ดังกล่าวร่วมด้วย นายวิทยา กระแสนวล และนางสาวอุมาพร ศรีหุ่น ซึ่งทำงานที่ Reuters Software Thailand เช่นเดียวกัน