คาด ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายยาวถึงสิ้นปีแม้เงินเฟ้อต่ำ

ศุกร์ ๑๑ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๕:๕๑
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาด กนง. จะคงดอกเบี้ยยาวตลอดปี 2017 แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสะท้อนว่านักลงทุนบางส่วนมองว่า ธปท. อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่กลับมาติดลบในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 1 ปีที่ลดลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจากเฉลี่ย 1.5% ในเดือนพฤษภาคม 2017 เหลือ 1.46% ในเดือนกรกฎาคม สาเหตุหนึ่งมาจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจภาคต่างประเทศของไทยที่แข็งแกร่งจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่อีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่า ธปท. อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่กลับไปติดลบ 0.04 และ 0.05 ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา และตัวเลขล่าสุดในเดือนกรกฎาคมก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.17%

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อระดับต่ำดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากฐานราคาที่สูงในปีก่อนจากเหตุการณ์ภัยแล้ง ในขณะที่เดือนกรกฎาคมมีผลผลิตทางการเกษตรออกมามากจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ราคาอาหารสดลดต่ำลง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจฯ มองว่าอัตราเงินเฟ้อระดับต่ำดังกล่าวเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว และอัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งหลังของปีจะเพิ่มสูงขึ้น และเฉลี่ยที่ 1% ในปี 2017

หากพิจารณาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำนั้นเป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นสำคัญ ซึ่งได้รับผลจากราคาพลังงานตกต่ำเป็นหลัก โดยหากพิจารณาองค์ประกอบเงินเฟ้อของไทยจะพบว่ามีหลายองค์ประกอบที่ราคาเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และองค์ประกอบที่ราคาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีภาครัฐให้การสนับสนุนอยู่ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา อีกทั้งยังมีบางองค์ประกอบที่ราคาเคยถูกปรับขึ้นไปแล้วในช่วงที่ต้นทุนการผลิตสูงจากราคาน้ำมันที่สูงมาก ทำให้ยังไม่จำเป็นต้องปรับราคาขึ้นอีกในช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ เช่น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์ อาหารสำเร็จรูป ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงอาจไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดนัก อีกทั้ง การลดดอกเบี้ยอาจไปกระตุ้นพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น หรือ search for yield ทำให้มีการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในตลาดการเงิน

นอกจากนี้ หากพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจะพบว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสหนึ่ง ขยายตัวได้ 3.2% ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2014 ที่ขยายตัวเพียง 0.9% อีกทั้งยังมีการลงทุนภาครัฐที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศก็ยังขยายตัวได้ดี ถึงแม้ว่าการลงทุนภาคเอกชนจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวในอนาคตจากดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และยังจะได้แรงสนับสนุนจากโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอีกด้วย

ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่า ธปท. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ตลอดปีนี้ แม้จะมีความกดดันเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายบ้าง แต่มองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากดังกล่าวจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งเศรษฐกิจไทยก็ยังสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอกประเทศ การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงอาจยังไม่จำเป็นในปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๐๔ กลุ่ม KTIS จับมือ Marubeni ประสานความร่วมมือในการขายเครดิตพลังงานหมุนเวียน (REC)
๑๔:๒๐ ผู้ถือหุ้น TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด อัตรา 27 หุ้นสามัญ : 1 หุ้นปันผล พร้อมจ่ายเงินสด 0.2698 บ./หุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 24 เม.ย. 67 รับทรัพย์ 14
๑๔:๔๙ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว โครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลการฉ้อฉลประกันภัย
๑๔:๑๐ สสวท. เติมความรู้คู่กีฬากับ เคมีในสระว่ายน้ำ
๑๓:๐๓ ฉุดไม่อยู่! ซีรีส์ Kiseki ฤดูปาฏิหาริย์ กระแสแรง ขึ้น TOP3 บน Viu ตอกย้ำความฮอต
๑๔:๒๔ TM บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุพระราม 9
๑๔:๑๒ ผถห. JR อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น พร้อมโชว์ Backlog แน่น 9,243 ลบ.
๑๔:๕๐ กรุงศรี ร่วมมือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ในโลกธุรกิจ
๑๔:๓๔ ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท
๑๔:๑๔ กรุงศรี ร่วมมือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ในโลกธุรกิจ