นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 133 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 138 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และ บริษัทที่ยังไม่ถึงกำหนดส่งงบการเงิน) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 พบ บจ. ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 88 บริษัท คิดเป็น 66% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยครึ่งปีแรก บจ. mai มียอดขายรวม 71,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.85% มีกำไรขั้นต้น 16,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.60% และมีกำไรสุทธิรวม 1,977 ล้านบาท ลดลง 21.30% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่23.01% ลดลงจาก 23.93% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
"ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2560 ยังคงเห็นการเติบโตของยอดขายของ บจ. mai ในขณะที่กำไรสุทธิรวมชะลอตัวลง เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายสูงขึ้น รวมถึงหลายบริษัทมีการลงทุนต่อเนื่องทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง ซึ่งหากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม จะพบว่าทั้ง 8 กลุ่มอุตสาหกรรมยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น ในจำนวนนี้มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นด้วย ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มบริการ และกลุ่มเทคโนโลยี
ในส่วนของโครงสร้างเงินทุนรวมของ บจ. mai พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio อยู่ในระดับ 0.99 เท่า ในขณะที่สิ้นปี 2559 อยู่ในระดับ 1.05 เท่า" นายประพันธ์กล่าว
สำหรับในไตรมาส 2/2560 บจ. mai มียอดขายรวม 35,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.64% โดยมีกำไรขั้นต้น 8,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3.12% และมีกำไรสุทธิรวม 761 ล้านบาท ลดลง 43.55% ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22.57% ลดลงจาก 23.99% ในไตรมาส2/2559
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 139 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2560) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 532.37 จุด ลดลง 13.61% จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 305,620 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,237 ล้านบาทต่อวัน