นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รู้สึกพอใจกับราคาหุ้นที่เทรดวันนี้ (26 กันยายน 2560) ซึ่งถือเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจ ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศไทย และแผนการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ตามแผนงานที่ระบุไว้ โดยนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาว ขยายกำลังการผลิต รองรับคำสั่งซื้อลูกค้าในปัจจุบันที่เข้ามาจนล้น ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เพียงพอ รวมทั้ง เตรียมพร้อมที่จะขยายตลาด และฐานลูกค้าซึ่งมีอยู่ทั่วโลก ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 240,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และหลังขยายกำลังการผลิตจะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการการผลิตเพิ่มเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เดินหน้านำเสนอสินค้าคุณภาพ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ หวังตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าสูงสุด ด้วยจุดมุ่งหมายการเป็นผู้นำการผลิตแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่า สายการผลิตใหม่จะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงกลางไตรมาส 3/2561
"ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้น SKN อย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ ขอสัญญาว่า จะเดินหน้าทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และมั่นใจว่า นี่จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของ SKN เราพร้อมที่จะสยายปีกส่งออก โดยมุ่งเน้นสินค้าที่มีคุณภาพ และนวัตกรรมที่เหนือกว่า เพื่อให้แผ่นไม้เอ็มดีเอฟของประเทศไทย โด่งดังไกลสู่ตลาดโลก" นายวิชัย กล่าวในที่สุด
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN กล่าวว่า หุ้น SKN เปิดทำการซื้อขายวันแรกอย่างน่าประทับใจ เป็นผลมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม และที่สำคัญ คือ นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติประเภทแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ ที่มีความต้องการในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น หรืออัตราการเติบโตเฉลี่ย 11% สูงกว่าการเติบโตแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติประเภทอื่น ประกอบกับ ความเชี่ยวชาญของผู้บริหารเป็นจุดแข็งสำคัญ ทำให้เข้าใจตลาด เข้าใจสินค้า และลูกค้า การบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ดี สิ่งเหล่านี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่น และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
"เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนให้ราคาหุ้น SKN ได้รับการตอบรับที่ดี และยืนเหนือราคาจองได้ในวันนี้ มาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจ ที่อยู่ในเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรม การเข้าจดทะเบียนในตลท. จะเป็นแหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ และสนับสนุนธุรกิจแผ่นไม้เอ็มดีเอฟของบริษัทฯ เติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้" นายทวีชัย กล่าว
โดยราคาหุ้น SKN ปิดตลาดที่ 9.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 29.50 % หรือ จากราคาไอพีโอที่ 7.35 บาทต่อหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 4,201.9 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นในฐานะผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศไทย