กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมถึงแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าอาจมีความคืบหน้าในปลายสัปดาห์นี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ สะท้อนว่า ตลาดรับรู้โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคมไปเต็มที่แล้ว แต่ความวิตกของเฟดต่อภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำผิดปกติ สร้างความไม่แน่นอนในเรื่องแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2561 ซึ่งจะจำกัดการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์
สำหรับปัจจัยในประเทศ นอกเหนือจากข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3 ที่เติบโตถึง 4.3% แล้ว การส่งออกของไทยยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 13.1% ในเดือนตุลาคม และมีการขยายตัวในตลาดสำคัญ อาทิ เอเชียใต้ ยุโรป และจีน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่ายอดส่งออกในปีนี้จะเติบโตได้ 9-10% และขยายตัวอย่างน้อย 5% ในปี 2561 ส่วนบันทึกการประชุมรอบล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่าการลดดอกเบี้ยในขณะนี้ไม่ใช่นโยบายที่เหมาะสมและถือเป็นการเร่งให้เกิดความเปราะบางต่อเสถียรภาพของระบบการเงินในอนาคต อย่างไรก็ดี นโยบายแบบผ่อนคลายในปัจจุบันมีความจำเป็นต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจไทยและท่าทีของกนง.สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังอยู่ที่ระดับ 1.50% ก่อนจะมีการปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นอกจากนี้ ภาวะผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนในจีน และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เป็นปัจจัยที่น่าจับตามองเพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของโลกในระยะถัดไป