นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) "PDJ" ผู้นำธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และค้าปลีกเครื่องประดับอัญมณี เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือ 3,700ล้านบาท และกลับมามีกำไรสุทธิตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทจะมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป เป็นผลจากโรงงานผลิตมีออร์เดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งยอดจำหน่ายในธุรกิจจัดจำหน่ายและค้าปลีกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อในภูมิภาคต่างๆที่บริษัทมีฐานการค้า ประกอบกับการปรับกลยุทธ์ทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ทั้งการปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาฝีมือแรงงานให้มีความเชี่ยวชาญเพิ่มปริมาณการผลิตได้ดีขึ้นและลดปริมาณการสูญเสีย
ด้านการจัดจำหน่ายบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ จากความเชี่ยวชาญตลาดเครื่องประดับ ความเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละภูมิภาค อีกทั้งการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ คลังสินค้า ส่วนฐานธุรกิจค้าปลีกบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ของตนเองในประเทศไทย อินโดนีเซียและเวียดนาม อีกทั้งมีแผนขยายช่องทางการซื้อขายแบบ Omni Channel เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกัน
"ผลประกอบการของบริษัทมีทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะเติบโต 20% โดยช่วงไตรมาสแรกปีนี้อาจแสดงอัตราการเติบโตที่ลดลงเนื่องจากช่วงเดียวกันปี 60 บริษัทมียอดขายที่สูงขึ้นกว่า 50% จากฐานการผลิตและฐานจัดจำหน่ายที่มียอดคำสั่งซื้อสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะในประเทศอเมริกา อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการเติบโตและแผนการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานทุกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น"นายชนัตถ์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพตามสัญญาการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ครั้งที่ 1 จำนวน 50 ล้านบาท ให้แก่ Advance Opportunities Fund I เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาโดยหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าวจะครบกำหนดอายุในวันที่ 6 มี.ค. 2564 ทั้งนี้การออกหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าวบริษัทมีแผนนำมาใช้เป็นเงินทุนหนุนเวียนเพื่อขยายธุรกิจของบริษัท
สำหรับผลประกอบการปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 2,912.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,831.44 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 81.42 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 2.88 % และมีผลขาดทุนสุทธิ 161.32 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 283.25ล้านบาท จำนวน 121.93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 43.05 %