KTAMขายตราสารหนี้ตปท.6เดือนชู1.15%ต่อปี

ศุกร์ ๑๑ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๕:๐๕
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 184 เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Agricultural Bank of China , Bank of China , China Development Bank , Abu Dhabi Commercial Bank , บัตรเงินฝาก Bank of Communications ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ยกเว้นบัตรเงินฝากของ Industrial and Commercial Bank of China Ltd. 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.15% ต่อปี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

ทั้งนี้ ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวทั้งในไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศ โดยปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับจำนวนครั้งในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed) ซึ่งจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี การจ้างงานดี และเงินเฟ้อขยายตัวรวดเร็ว ทำให้ตลาดกังวลว่าFedอาจขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า3 ครั้ง และจากความกังวลดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุคงเหลือ 10 ปี (UST10Y) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.03% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ก่อนที่จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.97% ต่อปี หลัง Fed ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2561 ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%-1.75% ต่อปี และยังไม่ส่งสัญญาณว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งขึ้นไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดมองว่าอัตราผลตอบแทนในระดับดังกล่าวได้สะท้อนภาพ (Price in) ของการขึ้นดอกเบี้ยไปมากแล้ว

ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่จะปรับขึ้นในระดับที่น้อยกว่า เนื่องจากการที่ยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ในระบบการเงินจำนวนมาก ในขณะที่ตราสารหนี้ออกใหม่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน และคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ยังมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1วัน) ไว้ที่ 1.50% ต่อปี ตลอดปี 2561

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps. อยู่ที่ 1.55% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps. อยู่ที่ 1.96% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 bps. อยู่ที่ 2.64% ต่อปี ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 bps. มาอยู่ที่ 2.51% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps. อยู่ที่ 2.78% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps. อยู่ที่ 2.95% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ การค้า และการเมืองของสหรัฐอเมริกา รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงิ่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4