“AECS ”ตลาดให้ความสำคัญสงครามการค้า มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,690-1,746 จุด – แนะลงทุนหุ้นพื้นฐานดีกำไรฟื้น

พุธ ๑๓ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๑๓:๐๒
บล.เออีซี (AECS) มองตลาดหุ้นไทยจับตาปัญหาความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลักอย่างกลุ่ม EU เริ่มส่งสัญญาณรุนแรงมากขึ้น และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในรอบนี้อีก 0.25% ในการประชุมรอบนี้ กดดันเม็ดเงินต่างชาติไหลออก พร้อมให้กรอบดัชนี 1,690-1,746 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง ชู ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง BDMS-BJC-AOT-BA-JKN-SAWAD-SPALI

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (13-15มิ.ย.) ให้กรอบดัชนี1,690-1,746 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับปัจจัยต่างประเทศ อาทิ การประชุม G-7 วันที่ 8-9 มิ.ย. ขาดข้อสรุปที่ชัดเจน และมีโอกาสที่ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลักอย่างกลุ่ม EU จะรุนแรงมากขึ้น

ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายคิม จอง อึน ที่สิงคโปร์ มีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะประเด็นการเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือที่อาจไม่มีความคืบหน้าดังที่ตลาดคาด รวมทั้งการประชุมเฟดวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ตลาดจะมั่นใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% แต่นักลงทุนยังรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อมุมมองด้าน ศก. และทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของ และตลาดจับตาช่วงเวลาที่ ECB จะเริ่มปรับลดวงเงินโครงการซื้อคืนสินทรัพย์อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้

"จากปัจจัยเชิงลบต่างๆส่งผลกดดันให้การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ( Fund Flow) ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคอยู่ แต่เรามองยังมีหุ้นที่น่าสนใจลงทุน และคาดว่าจะยังคง Outperform กว่าตลาดได้"

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy เน้นรับ ไม่ไล่ราคา" ในหุ้นค้าปลีกที่ยังโตดีและคาดได้อานิสงส์จากเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะกระตุ้นการซื้อสินค้าต่างๆ (ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดืม, อุปกรณ์กีฬา)

เลือก CPALL, BJC, ROBINS รวมทั้งหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ที่มีแผนเปิดตัวโครงการจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังปี 2561 จะช่วยหนุนกำไรยังโตดีต่อเนื่อง ชู AP, SPALI, SC และหุ้นเด่นที่ทาง AECS คัดไว้เป็นหุ้น Top Picks ช่วงครึ่งหลังปี 2561 จากปัจจัยพื้นฐานดี และมีกำไรโตสดใส เมื่อเทียบจากปีก่อน เช่น BDMS, BJC, AOT, BA, JKN, SAWAD, SPALI

ส่วนในทางเทคนิคสำหรับนักเก็งกำไร และนักลงทุนระยะกลาง ถือเงินสด รอสัญญาณการยืนกรอบแนวรับ จึงค่อยเริ่มทะยอยซื้อ ทั้งนี้ กลุ่มที่คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวบวก ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) เช่ย DELTA , KCE, HANA และกลุ่มการแพทย์ (HELTH) เช่น BCH , LPH , D

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้