“AECS ” มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ฟื้นตัวช่วงสั้น ให้กรอบดัชนี 1,665 - 1,680 จุด – เก็งกำไรหุ้นแบงก์ประกาศงบQ2เด่น

จันทร์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๓:๒๖
บล.เออีซี (AECS) มองหุ้นไทยฟื้นช้วงสั้น เหตุปัจจัยลบต่างประเทศรอวันประทุความรุนแรงทั้งปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน พร้อมจับตาการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย เรื่องการแทรกแซงสงครามกลาง และในวันที่ 17 ก.ค. เฟดแถลงตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งปีแรกคาดตัวเลขสดใส แต่กังวลครึ่งปีหลังเกิดการชะลอตัวได้ จากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมากขึ้น ให้กรอบดัชนี 1,665 - 1,680 จุด แนะลงทุนหุ้นปบงก์ประกาศงบไตรมาส 2/61 ชู TCAP-BAY เด่น

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ค.) มีแนวโน้มฟื้นตัว ให้กรอบดัชนี 1,665 - 1,680 จุด เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก ไปพอสมควรแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามการการปรับตัวของดัชนียังคงอยู่ในกรอบจำกัด จากแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ความเป็นไปได้ในการกลับมาเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังมาตรการภาษีรอบแรก 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เริ่มมีผลบังใช้ โดยคืนวันพฤหหัสฯ รัฐมนตรีพาณิชย์จีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ กลับมาร่วมแก้ปัญหาด้วยการเจรจาแบบทวิภาคีอีกครั้ง แต่ด้วยเงื่อนไขที่เข้มงวดของสหรัฐฯ (ต้องการให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และยกเลิกการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยี)

และล่าสุดตัวเลขดุลการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลายจากประเด็นดังกล่าว รวมทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-รัสเซีย โดยมีหัวข้อพูดคุยหลักเกี่ยวกับการแทรกแซงสงครามกลางเมืองในซีเรียและยูเครนที่อาจสร้างความเสี่ยงด้าน Geopolitical ให้สูงขึ้น และการประชุมดังกล่าวยังถูกจับตาโดยอัยการพิเศษสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2559 และการแถลงนโยบายการเงินและภาวะ ศก. รอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันที่ 17 ก.ค. นี้ แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีทิศทางขยายตัวแข็งแกร่งในครึ่งปีแรก แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากปัญหาด้านการค้าที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะกระทบต่อแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ดังนี้ 1) หุ้นธนาคารพาณิชย์ ที่คาดกำไรโตหรือราคาหุ้นยัง Laggard โดยมี PBVต่ำ เช่น KBANK, BBL, KKP 2) หุ้นDomestic Play ที่คาดช่วงไตรมาส 2/2561 กำไรยังมีแนวโน้มโตดีเมื่อเทียบจากปีก่อน เช่น CPALL, BJC, MC, HMPRO, BDMS, JKN, LH, SPA และ 3) หุ้นที่จ่ายปันผล(Div. Yield) สูงเกินปีละ 5% เช่น KKP, TTW, MC, SMPC

ส่วนในทางเทคนิคแนะนำ นักเก็งกำไร กรณีมีหุ้น ถือต่อ กรณีไม่มีหุ้น ซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวบริเวณแนวรับ 1,630 จุด และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,665-1,680 จุด ทั้งนี้ตั้ง Stop Loss เมื่อดัชนีวกต่ำกว่า 1,620 จุด สำหรับนักลงทุนระยะกลางยังเน้นการถือเงินสดต่อ เนื่องจากมองการรีบาวด์ของดัชนีเป็นเพียงการดีดตัวในแนวโน้มขาลงเท่านั้น กลุ่มที่คาด Outperform สัปดาห์นี้ เลือกกลุ่ม ธนาคาร (BANK) ได้แก่ TCAP คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 52.50 บ. Stop Loss หากหลุด 47.25 บาท และ BAY คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 42.25 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 38.25 บาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4