คาดการเช่าใช้ออฟฟิศในอาเซียนโดยกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจะมีสัดส่วนสูงขึ้นเป็น 25% ภายในปี 2573

พฤหัส ๑๓ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๔:๓๒
ในขณะที่เศรษฐกิจดิจิทัลของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล คาดว่า กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจะมีความต้องการเช่าใช้พื้นที่สำนักงานมากขึ้น โดยในอาจมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 15-25% ของความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าของอาเซียนภายในทศวรรษหน้า จากที่เคยมีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ในปี 2558

รายงานฉบับดังกล่าวของเจแอลแอลมีชื่อว่า Technology firms transform Southeast Asia (กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)

เรจินา ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านตลาดทุนของเจแอลแอลภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "จากการที่บริษัทเทคโนโลยีมีแนวโน้มต้องการใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนหรือผู้พัฒนาโครงการที่มีแผนจะสร้างอาคารสำนักงานใหม่ อาจออกแบบโครงการให้มีพื้นที่ใช้สอยสอดคล้องกับความต้องการของบริษัทผู้เช่ากลุ่มนี้"

ในปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจเทคโนโลยีมีการเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การเติบโตที่รวดเร็วของธุรกิจกลุ่มนี้จะมีส่วนอย่างมากในการทำให้มีการเช่าใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มมากขึ้น โดยเจแอลแอลคาดว่า ความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6% ต่อปี ในขณะที่มีการคาดการณ์ว่า จากนี้ไปจนถึงปี 2568 ภูมิภาคนี้จะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยราว 5% ต่อปี สูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะมีอัตราเฉลี่ยที่ 3.5% ต่อปี

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ต (กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อาศัยอินเทอร์เน็ต) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีมูลค่าสูงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 และธุรกิจอีคอมเมอร์สหรือการซื้อขายออนไลน์จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตเร็วที่สุด โดยอาจมีมูลค่าสูงถึง 88,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า ธุรกิจอีคอมเมอร์สในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะมีการขยายตัวเฉลี่ย 30% ต่อปี อ้างอิงจากผลการศึกษาที่ทำร่วมกันระหว่าง Google และ Temasek

รายงานของเจแอลแอลเปิดเผยว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทในธุรกิจซื้อขายออนไลน์ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้แก่ อาลีบาบา เฟสบุค กูเกิล และ Sea มีการเช่าใช้พื้นที่สำนักงานรายละประมาณ 20,000-50,000 ตารางเมตรใน 3-5 เมืองของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการว่าจ้างพนักงานเพิ่มเฉลี่ย 30%-50% ต่อปีในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา

นางสาวลิม กล่าวว่า "เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทเทคโนโลยีจะยังคงมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากอีคอมเมอร์สแล้ว เกมและกีฬาออนไลน์ เป็นบริษัทเทคโนโลยีกลุ่มต่อไปที่มีแนวโน้มจะเช่าใช้พื้นที่สำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต"

รายงานของเจแอลแอล ระบุว่า จาการ์ตา กรุงเทพฯ มะนิลา และนครโฮจิมินห์ เป็นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีมีความต้องการเช่าใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มมากขึ้นเร็วที่สุด

ส่วนทำเลที่บริษัทเทคโนโลยีนิยมเลือกเป็นที่ตั้งสำนักงาน มีความแตกต่างกันไป โดยที่สิงคโปร์ จาการ์ตา และมะนิลา นิยมเลือกทำเลชั้นดีในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ที่กัวลาลัมเปอร์ พบว่า ทำเลนอกศูนย์กลางธุรกิจที่มีระบบขนส่งมวลชลเข้าถึงได้รับความนิยม ส่วนกรุงเทพฯ ทำเลยอดนิยมยังคงเป็นย่านธุรกิจหลักๆ ตามแนวรถไฟฟ้า

ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเลือกที่ตั้งของสำนักงานของบริษัทเทคโนโลยี ได้แก่ ความสะดวกของพนักงาน นโยบายการสนับสนุนจากภาครัฐฯ และความสะดวกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยปลีกย่อยอื่นๆ อีก อาทิ โครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย และศูนย์การค้ารวมอยู่ในที่เดียวกัน มักได้รับความนิยม ในขณะเดียวกัน ความโดดเด่นของอาคาร รวมถึงความเป็นไปได้ในการติดป้ายชื่อบริษัทภายนอกตัวอาคาร มีผลต่อการตัดสินใจเลือกที่ตั้งสำนักงานของบริษัทเทคโนโลยีด้วย

"ทั้งนี้และทั้งนั้น บริษัทเทคโนโลยีจะยังคงให้ความสำคัญต่อคุณภาพของอาคาร ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะมีส่วนสำคัญในการช่วยรักษาหรือดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถ ดังนั้น ผู้พัฒนาโครงการที่วางแผนจะมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ จำเป็นต้องเข้าใจสิ่งที่บริษัทผู้เช่าในกลุ่มนี้ต้องการ" นางสาวลิมกล่าว

รายงานฉบับเต็ม ดาวน์โหลดได้ที่ : http://www.ap.jll.com/asia-pacific/en-gb/research/968/how-technology-firms-are-transforming-the-office-landscape-in-sea

เกี่ยวกับ JLL

เจแอลแอลเป็นบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก มีสำนักงานสาขา 300 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เจแอลแอลเริ่มดำเนินธุรกิจมานับตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยพนักงานมากกว่า 1,600 คน และมีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ เจแอลแอลยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมอันดับหนึ่งของประเทศไทยติดต่อกันแปดปีซ้อน ในการสำรวจความคิดเห็นของคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2561 โดยยูโรมันนี (Euromoney Real Estate Survey 2018)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๓๘ โอซีซี มอบฝาขวดน้ำ เพื่อทำเก้าอี้ให้น้อง ๆ ในโรงเรียนขาดแคลน
๑๑:๑๘ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดศูนย์ทดสอบหลักสูตร CISA ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
๑๑:๓๕ 'ราชบุรี มีลาย' อนุรักษ์มรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ชูอัตลักษณ์ 'ลายผ้าราชาบุรี (กาบโอ่งนกคู่) รองผู้ว่าฯ เมืองโอ่ง
๑๑:๕๓ พีทีที สเตชั่น ร่วมกับ ทิพยประกันภัย มอบความสะดวกและรวดเร็ว ซื้อประกันภัยผ่าน QR Code
๑๑:๐๙ FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
๑๐:๑๙ รมว.อว. เป็นประธานเปิดบูธนิทรรศการผลงาน @ Thai Pavilion พร้อมให้กำลังใจนักประดิษฐ์ไทย นำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเจนีวา ครั้งที่
๑๐:๔๖ BRIDGESTONE TURANZA T005 EV ยางพรีเมียมสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เหนือระดับด้วยเทคโนโลยี ENLITEN(R)ได้รับเลือกเป็นยางล้อมาตรฐานติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ MG4 XPOWER
๐๙:๑๔ อพท. เปิดรับสมัคร สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน เพื่อพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ชิงเงินรางวัลกว่า 130,000
๐๙:๔๑ หนังสือ Royal Thai Cuisine ตำรับอาหารไทยชาววัง วิทยาลัยดุสิตธานี
๑๘ เม.ย. เด็ก ม.กรุงเทพ ยกทีม คว้าชนะเลิศครีเอทคลิปสั้นได้ใจฟูมาก