ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์ตราสารหนี้ แนะผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงก่อนลงทุน

พฤหัส ๑๓ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๒:๓๐
ก.ล.ต. ปรับปรุงเกณฑ์ตราสารหนี้ แนะผู้ลงทุนคำนึงถึงความเสี่ยงให้รอบด้านก่อนลงทุนในตราสารหนี้ โดยต้องรู้จักผู้ออกตราสารหนี้ ลักษณะของตราสาร สภาพคล่องและผลตอบแทน รวมถึงต้องศึกษาสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ พร้อมเปิดเผยว่า ตลาดตราสารหนี้ปรับตัวในทิศทางที่ดีภายหลังการปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลการออกและเสนอขายตราสารหนี้ซึ่งเน้นการคุ้มครองผู้ลงทุน โดยเพิ่มมาตรฐานการทำหน้าที่ของตัวกลาง การมีข้อมูลสำคัญและการเตือน และปรับการกำกับดูแลให้เหมาะสมตามประเภทผู้ลงทุน

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า

"ปัจจุบันตราสารหนี้เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ได้รับความนิยม แต่การลงทุนตราสารหนี้โดยตรงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้ลงทุนต้องพิจารณาหลายด้าน เช่น ต้องรู้จักผู้ออกตราสารหนี้ ทั้งฐานะและความสามารถในการจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ต้องทราบลักษณะและเงื่อนไขของตราสารหนี้ที่ปัจจุบันมีหลายประเภท ความเสี่ยงกับผลตอบแทนสะท้อนกันพอควรหรือไม่ และถ้าจะขายคืนก่อนครบกำหนดในตลาดรองจะทำได้สะดวกหรือไม่ หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้จะสามารถติดต่อใครได้บ้าง การเข้าใจตราสารหนี้ที่จะลงทุนจึงเป็นเรื่องจำเป็น"

ในช่วงก่อนหน้านี้พบว่า ผู้ลงทุนในตราสารหนี้มักคำนึงถึงผลตอบแทนโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงในการลงทุนเท่าที่ควร ขณะที่ตัวกลางก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนที่เพียงพอ ก.ล.ต. จึงประกาศใช้เกณฑ์ตราสารหนี้ใหม่ซึ่งมีผลเมื่อต้นไตรมาส 2/2561 เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นในหลายด้าน ทั้งการจำกัดไม่ให้ใช้ตั๋วเงินเป็นตราสารที่ใช้ระดมทุนในวงกว้าง การแยกการกำกับดูแลการเสนอขายต่อผู้ลงทุนรายใหญ่ออกจากการเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน การเพิ่มมาตรฐานการทำหน้าที่ของตัวกลาง และให้มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนรายใหญ่มากขึ้น ซึ่งต่อมาพบว่า ตลาดมีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดี โดยมีการออกตราสารหนี้ที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น การออกตั๋วเงินมีปริมาณลดลง รวมทั้งการออกตราสารหนี้เสนอขายแก่ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจงไม่เกิน 10 ราย ซึ่งเดิมมักถูกใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน และในด้านธุรกิจกองทุนรวม พบว่า กองทุนรวมมีการลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เสี่ยงสูง รวมทั้งจำนวนกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เสนอขายต่อ

ผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย มีจำนวนลดลงเช่นเดียวกัน

"การปรับปรุงเกณฑ์เพื่อยกระดับความคุ้มครองผุ้ลงทุนเป็นเพียงมาตรการส่วนหนึ่ง ซึ่งผู้ลงทุนยังจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับปัจจุบันตราสารหนี้มีลักษณะหลากหลาย ทั้งข้อจำกัดและเงื่อนไขการให้ผลตอบแทนที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน ซึ่งหากผู้ลงทุนไม่เข้าใจหรือไม่มีความพร้อม การลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า" นายรพีกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4