เมืองไทยประกันชีวิต สุดปลื้ม “ฟิทช์ เรทติ้งส์” ปรับเพิ่มอันดับเครดิต 'A-' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ตอกย้ำสถานะธุรกิจแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

พุธ ๑๗ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๐:๓๗
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength : IFS) จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 เป็น 'A-' หรืออยู่ในระดับ "แข็งแกร่ง" จาก 'BBB+' หรือระดับ "ดี" และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ 'AAA(tha)' ซึ่งเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดแล้ว โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจประกันชีวิตที่แข็งแรง ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และฐานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัทฯ

โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ ให้ความเห็นว่า โครงสร้างธุรกิจประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต อยู่ในระดับแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม เครือข่ายทางธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านเบี้ยประกันชีวิตรับรวมเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศไทย และยังได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดทางด้านการดำเนินงานและเทคนิคจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อีกทั้ง ยังมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามระดับความเสี่ยงของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่แข็งแรงโดยสะท้อนจากระดับของเงินกองทุนที่ 379% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 140% และถือว่าอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ('Strong')

เช่นเดียวกับปัจจัยด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ยังคงมีการดำเนินงานที่แข็งแรงต่อเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการรับประกันภัยที่รัดกุมและจากผลตอบแทนของเงินลงทุนที่สม่ำเสมอ โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่ 2.7% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2561 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับกับบริษัทประกันชีวิตอื่นทั้งในและต่างประเทศ

นโยบายการลงทุนนั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นบ้าง เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะสั้น โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนเงินลงทุนในตราสารทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ของสินทรัพย์ลงทุนรวม ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2561 โดยแนวโน้มการลงทุนในตราสารทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ยังคงสอดคล้องกับ

บริษัทประกันชีวิตอื่นในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการควบคุมความเสี่ยงของการลงทุนผ่านการกำหนดนโยบายการลงทุนอย่างระมัดระวังและรักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนที่จะได้รับ ความเสี่ยงของการลงทุน และค่าความเสี่ยงของการคำนวณเงินกองทุน อาทิ บริษัทฯ จะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพที่ดี และมีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างชัดเจน โดยมีสัดส่วนเงินลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและตราสารหนี้รัฐวิสาหกิจต่อส่วนทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 390% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2561

นายสาระ กล่าวเสริมว่า เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่งมาโดยตลอด เพราะบริษัทฯ อยู่ในธุรกิจการเงิน ความน่าเชื่อถือไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อบริษัทฯนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และ "ฟิทช์ เรทติ้งส์" ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับนานาชาติ จึงเป็น "คนกลาง" ที่เข้ามาช่วยยืนยันสถานะความมั่นคงแข็งแกร่งของเมืองไทยประกันชีวิตได้เป็นอย่างดี" นายสาระ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม (Innovation) พร้อมก้าวเคียงคู่ไปกับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ผ่านนโยบาย "MTL Everyday Life Partner" เดินหน้าออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ผ่านนวัตกรรม และแนวคิดแบบ Outside In ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัว (Segment of One) และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน และมุ่งเน้นการปลดล็อคข้อจำกัดในการทำประกันชีวิตและสุขภาพ (Health Revolution) ที่มอบความคุ้มครองและสร้างความอุ่นใจที่มากขึ้น

ล่าสุด บริษัทฯ ปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งใหญ่ (Brightening the Brand) ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ให้มีความสดใส ทันสมัย และเป็นสากลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ภายใต้สโลแกน "Happiness Means Everything: เพราะความสุขคือทุกอย่าง" โดยมุ่งเน้นเรื่องของการส่งมอบความสุขในทุกด้านให้กับลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และผู้เกี่ยวข้อง อย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำจุดยืนนโยบาย "MTL Everyday Life Partner" ที่พร้อมเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต สำหรับตัวตนของเมืองไทยประกันชีวิตต่อจากนี้ จะยังคงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Products) กระบวนการทำงาน (Process) และการให้บริการ (Services) ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายในรูปแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล ทันสมัย และสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Data Analytics) รวมถึงได้นำระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติ (Robotic Process Automation หรือ RPA) เพื่อให้การทำงานเป็นแบบอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาใช้ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว สะดวก และง่ายยิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4