นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส1/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.57 ล้านบาท เติบโต 160.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการขาดทุนอยู่ที่ 4.22 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของต้นทุนวัตถุดิบ, ค่าใช้จ่ายในการผลิต รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ทั้งนี้บริษัทมีต้นทุนการขายอยู่ที่ 160.03 ล้านบาท ลดลง 13.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีต้นทุนการขายอยู่ที่ 184.29 ล้านบาท เนื่องจากราคาเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตและค่าใช้จ่ายในการผลิต ได้แก่ ค่าล่วงเวลา ค่าไฟฟ้า ค่าวัสดุใช้สิ้นเปลือง และค่าเบ็ดเตล็ดโรงงาน ได้มีการปรับตัวลดลง
อีกทั้งบริษัทยังมีกำไรขั้นต้นไม่รวมรายได้อื่นอยู่ที่ 31.69 ล้านบาท เติบโต 4.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้นไม่รวมรายได้อื่นอยู่ที่ 30.21 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของราคาวัตถุดิบ และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการผลิตได้ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.53% เติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 14.08%
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส2/62 คาดว่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะว่าจะมีการรับรู้รายได้ธุรกิจตู้สื่อสาร "USO NET เฟส2" ประกอบกับธุรกิจรางและท่อร้อยสายไฟฟ้า โดยบริษัทวางแผนจะเข้ารับงาน และประมูลงานภายใต้งานโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และเอกชน เพื่อสนับสนุนมูลค่างานในมือให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันบริษัทมีมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 500-600 ล้านบาท ส่วนรถตุ๊ก ตุ๊ก ไฟฟ้าได้เริ่มผลิตและส่งมอบในไตรมาส 2
ดังนั้นบริษัทจึงคาดว่ารายได้ปี 2562 จะเติบโต 20% จากปี 2561มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,028.19 ล้านบาท ทำสถิติใหม่สูงสุด(นิวไฮ) จากการเติบโตของทุกธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจรางและท่อร้อยสายไฟฟ้าที่ในปีนี้จะมีเริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีต่างๆ ส่งผลให้บริษัทและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ขณะที่ธุรกิจการค้าระหว่างหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ(B2B) บริษัทคาดว่าจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง