"ผลจากการใช้สิทธิ CKP-W1 ของผู้ถือหน่วยในครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมที่จะรองรับการขยายงานโครงการขนาดใหญ่ตามแผนที่วางไว้ และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการเติบโตที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องในอนาคตของบริษัทฯ ด้วย" นายธนวัฒน์ กล่าวและว่า โดยหลังจากการใช้สิทธิครั้งนี้ CKPower ยังมีจำนวนหุ้นสามัญที่รองรับการใช้สิทธิคงเหลืออีกจำนวน 1,275,767,484 หุ้น
อนึ่ง ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (CKP-W1) ของบริษัทฯ มีอายุ 5 ปี นับจากวันที่เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 โดยบริษัทฯ ได้ออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่มีการจองซื้อและชำระราคาค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่ออกและเสนอขายตามสัดส่วน เป็นจำนวนทั้งหมด 1,870,000,000 หน่วย โดยมีกำหนดใช้สิทธิในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และ ธันวาคม ของแต่ละปีตลอดอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ และวันใช้สิทธิวันสุดท้าย คือ วันที่ 28 พฤษภาคม 2563
ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower : บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 โครงการ รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ และมีกำหนดเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 4 ปี 2562 นี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์