รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงคณะ USABC ถึงสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยว่า ในปี 2561 เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญเติบโตที่ร้อยละ 4.1 สูงสุดในรอบ 6 ปี อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและภาวะตึงเครียดทางการค้า ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สร้างความเชื่อมั่นต่อคณะ USABC ว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและสามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดี ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมมาตรการเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศให้สามารถเดินหน้าอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันระหว่างประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อ อาทิ Fitch Ratings และ Moody's ที่ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น นอกจากนี้ World Economic Forum ได้ปรับเพิ่มอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยให้ดีขึ้นเป็นอันดับที่ 38 จาก 140 ประเทศ และ Institute for Management Development (IMD) ได้ปรับเพิ่มดัชนีขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยปี 2562 เป็นอันดับที่ 25 จากอันดับที่ 30 ในปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับธนาคารโลกได้จัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยให้อยู่ในอันดับ 3 เมื่อเทียบกับสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ เป็นต้น
นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงคณะ USABC ถึงความคืบหน้าของกระทรวงการคลังในการสนับสนุนการอำนวยความสะดวกทางการค้า ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ รวมทั้งชักชวนให้คณะ USABC ขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในด้านกายภาพและด้านดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยได้เชิญชวนให้บริษัทสมาชิก USABC มาร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนและช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคมในประเทศไทย ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซียนได้ ทั้งนี้ การพบปะกับกลุ่มนักธุรกิจ USABC นั้น เป็นโอกาสอันดีที่ได้หารือร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาต่อไป