ก.ล.ต. จัดสัมมนาใหญ่สนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเข้าถึงตลาดทุนและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล

ศุกร์ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๑๑:๒๓
ก.ล.ต. เปิดประตูเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพสู่ตลาดทุนไทยด้วยเทคโนโลยี จัดงานสัมมนา “SEC FinTech for SMEs and Startup : Innovation for Financial Inclusion” สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุน พร้อมปลดล็อคข้อจำกัด ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล และเปิดพื้นที่เจรจาจับคู่ทางธุรกิจสร้างพันธมิตรต่อยอดการเติบโต
ก.ล.ต. จัดสัมมนาใหญ่สนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเข้าถึงตลาดทุนและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล

นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการพัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จึงจัดงานสัมมนา “SEC FinTech for SMEs and Startup : Innovation for Financial Inclusion” ขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ถึงนโยบายและการสนับสนุนของทางการ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุน การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจและปรับตัวให้เท่าทันกับเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล รวมถึงการจับคู่ทางธุรกิจ (business matching) เพื่อให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาตลาดทุนไทย

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ก.ล.ต. เปิดประตู SMEs และ Startups สู่ตลาดทุนไทยด้วยเทคโนโลยี” ถึงความสำคัญของเอสเอ็มอีต่อระบบเศรษฐกิจไทยและบทบาทของ ก.ล.ต. ที่จะช่วย เปิดล็อก “ประตู 3 บาน” ได้แก่ การขาดช่องทางเข้าถึงเงินทุน การขาดข้อมูลเรื่องการระดมทุน และการขาดเครื่องมือพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเป็นข้อจำกัดทำให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพไม่สามารถเข้าถึงทุนในตลาดทุน ด้วย “กุญแจ 8 ดอก” ประกอบด้วย

(1) งานสัมมนา “SEC FinTech for SMEs and Startup” ที่ทำให้เห็นแนวทางการสนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพของหน่วยงานภาคตลาดทุน และยังเป็นครั้งแรกที่เปิดพื้นที่เจรจาจับคู่ทางธุรกิจเพื่อสร้างพันธมิตรระหว่างเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ และผู้ลงทุนที่มีศักยภาพ

(2) จัดทำแพลตฟอร์มสนับสนุนการระดมทุนสำหรับเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ โดยในระยะแรกจะเป็นการให้ข้อมูล สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงข้อมูลของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการระดมทุนได้ง่าย และในระยะต่อไปอาจขยายการดำเนินการไปในส่วนอื่น ๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เช่น การจับคู่ทางธุรกิจ การพัฒนาความรู้ชั้นสูงเพื่อเพิ่มทักษะผู้ประกอบการ นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้เกิดเครื่องมือที่ช่วยบริหารและจัดการแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (shared technology solution service) เช่น โปรแกรมระบบบัญชี ระบบภาษี เพื่อยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจ ให้สามารถต่อยอดในตลาดทุนหรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนช่องทางอื่น ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

(3) เปิดช่องทางให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนด้วยการออกหลักทรัพย์ ที่เหมาะสมกับบริบทตามขนาดของกิจการและความต้องการทุน

(4) ทบทวนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับ ผู้ประกอบธุรกิจในระบบคราวด์ฟันดิง และเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน

(5) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของตลาดทุนไทย โดยนำ Distributed Ledger Technology (DLT) มาประยุกต์ใช้ เพื่อรองรับกระบวนการสำหรับทุกผลิตภัณฑ์ รวมทั้งรองรับหลักทรัพย์ของเอสเอ็มอี

(6) ลงพื้นที่ให้ความรู้กับเอสเอ็มอีในภูมิภาค เพื่อแนะนำเครื่องมือการระดมทุน และการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดทุน รวมถึงการเปิดคลินิกให้คำแนะนำ ภายใต้โครงการ “การลงพื้นที่ให้ความรู้สู่ภูมิภาค” และการจัดสัมมนา

(7) จัดให้มี “24/7 Financial Clinic” เพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้สนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ที่สนใจรับข้อมูลสามารถโทรศัพท์ไปยัง Help Center ของ ก.ล.ต. ที่เบอร์ 1207

(8) สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และจัดตั้งคณะทำงานเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กิจการเงินร่วมลงทุน นิติบุคคลร่วมลงทุน สู่ตลาดทุนไทย หรือ คณะทำงาน SME PE VC โดยบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอีก 13 แห่ง

ในงานสัมมนาครั้งนี้ยังมีการเสวนาหัวข้อ “การปลดล็อกศักยภาพ SMEs และ Startups ไทยให้เข้าถึงและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล” โดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทในตลาดทุนและการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หัวข้อ “อนาคตของการระดมทุน ทางเลือกใหม่ของ SMEs และ Startups” โดยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง และเอสเอ็มอีที่ระดมทุนผ่านหุ้นคราวด์ฟันดิงสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย หัวข้อ “ติดอาวุธ SMEs และ Startups ไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี” และการบรรยายเรื่อง The Journey toward Digital Era โดยผู้บริหารบริษัทสตาร์ทอัพชั้นนำ

รวมทั้งการจัดแสดงบูธนิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพรวม 27 บูธ และภายในงาน ก.ล.ต. จัดให้มีการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจประมาณ 15 ราย โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ณ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ

ก.ล.ต. จัดสัมมนาใหญ่สนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเข้าถึงตลาดทุนและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ก.ล.ต. จัดสัมมนาใหญ่สนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเข้าถึงตลาดทุนและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา