นายสัมพันธ์ วงษ์ปานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาดของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยว่า ในปี 62 ภาพรวมของผลประกอบการของ กลุ่มธุรกิจ ถิรไทย ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ บริษัทฯ และ บริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,466 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 7% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น ต่อรายได้ขายและบริการ 27.63% เปรียบเทียบกับ 21.90% ในปี 61 การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นผลให้ ณ 31 ธันวาคม 62 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 75.37 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2561มีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (30.76) ล้านบาท ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ เตรียมยืนที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.12 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 28เมษายน 2563 อีกด้วย
สำหรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ จากรายได้รวมจำนวน 2,466 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ของกลุ่มหม้อแปลงไฟฟ้า 1,857 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานภาครัฐและเอกชนในประเทศ 1,556 ล้านบาท ส่งออก 244 ล้านบาท และการบริการ 56 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลงไฟฟ้า 609 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย รายได้จากงาน Fabricate Steel/EPC จำนวน 98 ล้านบาท, รายได้จากงานประกอบและจำหน่ายรถกระเช้าและงานบริการ จำนวน 97 ล้านบาท, รายได้จาก JV ของงาน O&M WL2 และ O&M Ash จำนวน 364 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ อีกจำนวน 50 ล้านบาท
นายสัมพันธ์กล่าวถึงภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2562 ของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการขายและบริการในปี62อยู่ที่ 27.63%เทียบปีก่อนอยู่ที่ 21.90%ซึ่งการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นของกลุ่มหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 18.76%ในปี 61มาอยู่ที่ 26%ในปี 62และ กำไรขั้นต้นในกลุ่มที่ไม่ใช่หม้อแปลงไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจาก 31.58%ในปี 61เป็น 33.16%ในปี 62สาเหตุหลักจากมีการส่งมอบสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
นายสัมพันธ์กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2563 ทางกลุ่มบริษัท ถิรไทย ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 20%-25% จากปีที่แล้ว ซึ่ง เป็นเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นไปได้สูง เนื่องจากทางกลุ่มบริษัท ถิรไทย มีBacklogมากกว่า 2,500ล้านบาท มากพอที่จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้ โดยจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของทั้งกลุ่มอยู่ที่18% - 20% ณ.สิ้นกุมภาพันธ์2563 มี Backlog จำนวนทั้งสิ้น 2,696ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบในปี 2563 จำนวน 2,603 ล้านบาท และ ในปี 2564 จำนวน 93 ล้านบาท โดยมีงานที่รอประมูลและเสนอราคา จำนวน 8,834 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นคำสั่งซื้ออยู่ที่ 20%-25%
นอกเหนือจากนี้ทางกลุ่มบริษัท ถิรไทย ได้จัดทำมาตราการต่างๆ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานะการณ์ เพื่อบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ รวมถึงจะบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ บริหารจัดการต้นทุนให้แข่งขันได้ในภาวะปัจจุบัน เพื่อทำให้บริษัท สามารถดำเนินการไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ นายสัมพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย