SMPC บุ๊คกำไร H1/63 โต 59% บอร์ดจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.37 บ./หุ้น ชี้ครึ่งปีหลังโตต่อจากดีมานด์ถังแก๊ส LPG ในภูมิภาคเอเชียใต้- แอฟริกา-สหรัฐฯ

พฤหัส ๑๓ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๑๖:๒๘
SMPC ผลงาน Q2/63 ฟอร์มสวย กวาดยอดขาย 1,093.12 ลบ. เพิ่มขึ้น 20.6% กำไรสุทธิ 182.19 ลบ.โต 49.3% โชว์ผลงาน 6 เดือนแรกปีนี้กำไรพุ่งเกือบ 59% อยู่ที่ 328.51 ล้านบาท จากออเดอร์ลูกค้าในแถบเอเชียใต้ -แอฟริกา ที่ชะลอการสั่งซื้อในช่วงปีก่อน เริ่มกลับมาสั่งซื้อ ขณะที่ยอดขายในสหรัฐฯ ยังไหลเข้าต่อเนื่อง คาดผลงานครึ่งปีหลังยังคงเติบโตต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้ถังแก๊สทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ และทวีปแอฟริกา เชื่อยอดขายปีนี้เติบโต 30% ได้ตามแผน รับดีมานด์ต่างประเทศโตต่อเนื่อง ชี้โควิดไม่กระทบธุรกิจ แย้มหลังโควิด เริ่มพิจารณาลงทุนโรงงานผลิตถังแก๊สในต่างประเทศใหม่ ด้านบอร์ดใจดีเอาใจผู้ถือหุ้น ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.37 บ./หุ้น
SMPC บุ๊คกำไร H1/63 โต 59% บอร์ดจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.37 บ./หุ้น ชี้ครึ่งปีหลังโตต่อจากดีมานด์ถังแก๊ส LPG ในภูมิภาคเอเชียใต้- แอฟริกา-สหรัฐฯ

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่ง พลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯงวดไตรมาส 2/2563 มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,093.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.6% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 906.31 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าในแถบเอเชียใต้ที่ชะลอการสั่งซื้อในช่วงปีก่อน เริ่มกลับมาสั่งซื้อบางส่วนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมถึงลูกค้าในแอฟริกามีความต้องการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงมีต่อเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

สำหรับกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2/2563 จำนวน 182.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.3 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเติบโต และมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น ขณะที่ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ลดลง โดยสุทธิกับรายได้อื่นที่ลดลงและภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 288.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.69 ล้านบาท หรือ 36.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 211.37 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 23.3% เป็น 26.4% เป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงและราคาเหล็กในตลาดโลกลดลง ส่งผลให้อัตราทำกำไรเพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 2,038.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352.62 ล้านบาท หรือ 20.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,685.55 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 328.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58.77 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 206.91 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.37 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 24 สิงหาคม 2563 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2563

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายอดขายจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการถังแก๊ส LPG ในภูมิภาคเอเชียใต้ ที่มีการปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงหุงต้มมาเป็น LPG รวมถึงประเทศในทวีปแอฟริกา ที่มีการเปลี่ยนมาใช้ LPG แทนฟืนและเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม ซึ่งทั้ง 2 ภูมิภาคนี้ เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ SMPC

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่กระจายทั่วโลกอยู่ขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยในเรื่องของการขนส่งสินค้า ซึ่งมีความล่าช้าจากการปิดในบางประเทศเพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายในวงกว้าง ทำให้การขนส่งต้องใช้เวลานานขึ้น แต่โดยรวมยังสามารถส่งออเดอร์ลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา โดยบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายถังแก๊สในปี 2563 ไว้ที่ 7.3 ล้านถัง เติบโต 30% เนื่องจากยังคงมีความต้องการใช้ถังแก๊ส LPG อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแอฟริกา อเมริกาเหนือ รวมถึงในเอเชีย อีกทั้งบริษัทได้เริ่มกระจายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 10-15% ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทจะมีทิศทางที่แข็งค่า โดยมีการบริหารและควบคุมการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนประกอบกับพยายามควบคุมต้นทุนด้านกระบวนการผลิต รวมถึง การที่ราคาเหล็กซึ่งเป็นต้นทุนของบริษัทฯ ขณะนี้ยังอยู่ในระดับทรงตัว

ส่วนการลงทุนสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สในต่างประเทศ ขนาดกำลังการผลิต 2.5 ล้านถังต่อปี มูลค่าการลงทุน 13-15 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีโอกาสขยายฐานการผลิตและได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงลดต้นทุนด้านการขนส่งสินค้า และลดค่าใช้จ่ายทางภาษีด้านต่างๆ แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิดแพร่ขยายในวงกว้าง ทำให้บริษัทต้องชะลอโครงการดังกล่าว เพื่อประเมินความเสี่ยงใหม่อีกครั้งหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4