TPIPP โชว์ผลงาน Q2/63 ทำกำไรสุทธิ 1,172 ล้านบาท หลังปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่ม และเพิ่มกำลังการผลิต RDF เพื่อขายให้บริษัทแม่

จันทร์ ๑๗ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๐๙:๕๖
'บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์’ หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งรายใหญ่ของไทย โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ทำกำไรสุทธิ1,172ล้านบาท และรายได้รวม2,949ล้านบาท ดันผลงานครึ่งปีแรก ทำกำไรสุทธิ2,139ล้านบาท และรายได้รวม5,525ล้านบาท เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตRDF พร้อมกับยังปรับปรุงเครื่องจักรต่อเนื่อง เพื่อดันUtilization Rate ให้ได้ตามเป้าที่ 95% หนุนเติบโตในอนาคต
TPIPP โชว์ผลงาน Q2/63 ทำกำไรสุทธิ 1,172 ล้านบาท หลังปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่ม และเพิ่มกำลังการผลิต RDF เพื่อขายให้บริษัทแม่

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงินTPIPPเปิดเผยว่า

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 มีรายได้รวม 2,949 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,172 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563 ที่มีรายได้รวม 2,596 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 967 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 15.14% โดยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 TPIPP มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 5,211 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,139 ล้านบาท ลดลง 4.25% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 2,234 ล้านบาท เนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องจากสายส่งส่วนกลางใน Q1/2563

บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิต RDF เพื่อขายให้กับ TPIPL (บริษัทแม่) ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อให้สามารถรองรับเชื้อเพลิงที่หลากหลายชนิดได้ โดยหลังจากการปรับปรุงแล้วเสร็จ TPIPL จะสามารถลดต้นทุนทางด้านพลังงานลงในขณะที่ TPIPP จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขาย RDF ซึ่งถือว่าเป็น win-win situation สำหรับทั้งสองบริษัท นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังอยู่ในระหว่างการเตรียมปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ต่อเนื่อง เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ มีเสถียรภาพแม้อยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุง อีกทั้งจะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 95% ตลอดเวลาทั้งปี โดยคาดว่าการปรับปรุงจะแล้วเสร็จในช่วง Q4/2563

สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโครงการพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (SEZ) บริษัทได้ซื้อที่ดิน ณ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อพัฒนาโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในฐานะเมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคตตามนโยบายของรัฐบาลที่จะพัฒนาและบริหารพื้นที่ชายแดนภาคใต้เพื่อความสงบและมั่นคงของประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภายใต้ (ศอ.บต) เสนอกำหนดให้พื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้เป็นการเฉพาะกิจตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการ จัดการชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 และให้บริษัทเสนอแผนดำเนินการโครงการมูลค่าการลงทุน 396,000 ล้านบาท เพื่อให้มีการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค

สร้างอาชีพแก่ประชาชนในพื้นที่ และเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในการพัฒนาโครงการดังกล่าว และให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 ศอ.บต. ได้มีหนังสือถึงบริษัทแจ้งให้บริษัททราบว่า ศอ.บต. ได้เสนอให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (“กพต.”) พิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยแล้ว ตามการประชุมกพต. ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 และเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ในขณะนี้ ศอ.บต. ได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแผนการลงทุนภาคเอกชน ได้ไปดำเนินการต่อไป อาทิ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย และองค์การบริหารจังหวัดสงขลา พิจารณาดำเนินการปรับเปลี่ยนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้สอดรับการลงทุนพัฒนาโครงการตามแผนลงทุนเร่งด่วนของเอกชน และกระทรวงพลังงาน พิจารณาสนับสนุนกำลังผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) เป็นต้น รวมทั้งมีข้อเสนอให้ภาคเอกชนมีหน้าที่ต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environment Impact Assessment : EIA) และหรือ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Environment and Health Impact Assessment : EHIA) แล้วแต่กรณี เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปพร้อมกันในปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กรณีการประสานงานมวลชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคมในพื้นที่ 3 ตำบล ของอำเภอ จะนะ จังหวัดสงขลา ขอให้บริษัทประสานงานและทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับคณะทำงานตามที่ ศอ.บต. จัดตั้งตามข้อเสนอของประชาชนในพื้นที่เพื่อรองรับกระบวนการทำงานของภาคเอกชนผ่านพลังภาคประชาชน เพื่อให้การทำงานมีความเป็นเอกภาพ เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่และการพัฒนาประชาชนอย่างแท้จริงและเป็นไปตามเป้าหมายของโครงการที่ต้องการให้อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเฉพาะที่มีความสมบูรณ์ ครบวงจรและเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระบบครบวงจรของอนุภูมิภาคใต้ตอนล่าง ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งยังเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก อันจะทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญของการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในระยะยาวต่อไปได้ เช่นเดียวกับภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไป และขอให้บริษัทดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแนวทางตามกฏหมาย มติคณะรัฐมนตรี ระเบียบ คำสั่ง แนวทางปฏิบัติของส่วนราชการอย่างเคร่งครัดด้วย นายภัคพล กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest