กรุงศรีรายงานกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2563 จำนวน 19.7 พันล้านบาท

พฤหัส ๒๒ ตุลาคม ๒๐๒๐ ๐๘:๕๙
กรุงศรีรายงานกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2563 จำนวน 19.7 พันล้านบาท

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2563 จำนวน 19.7 พันล้านบาท ลดลง 25.3% หรือจำนวน 6.6 พันล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมีปัจจัยจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและเนื่องจากไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นจำนวน 50% ของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับประมาณการหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการชดเชยกรณีพนักงานเกษียณและเลิกจ้างตามการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562

หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 กำไรสุทธิในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2563 ลดลง 4.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของการตั้งสำรองเพื่อรองรับการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อซึ่งสะท้อนการบริหารจัดการคุณภาพของสินทรัพย์ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และการลดลงของกำไรจากการดำเนินงาน

สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับเก้าเดือนแรกของปี 2563

- กำไรสุทธิ: จำนวน 19.7 พันล้านบาท ลดลง 25.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สำหรับไตรมาส 3/2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 6.1 พันล้านบาท ลดลง 6.8% จากไตรมาส 3/2562 และลดลง 6.0% จากไตรมาส 2/2563
- เงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 1.4% หรือจำนวน 25.7 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 โดยมาตรการการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและมาตรการในการเสริมสภาพคล่องของธนาคารให้กับลูกค้ามีส่วนช่วยให้สินเชื่อเติบโตในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2563 โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่สินเชื่อลูกค้า SME และสินเชื่อเพื่อรายย่อยมีอัตราการเติบโต 1.6%, 2.6% และ 0.9% ตามลำดับ
- เงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 10.4% หรือจำนวน 162.3 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.63% เทียบกับ 3.68% ในช่วงเดียวกันของปี 2562
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: ลดลง 32.9% หรือจำนวน 11.7 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับลดลงของกำไรจากการลงทุน เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ที่บันทึกในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 และการปรับลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ระดับ 41.2% ปรับตัวดีขึ้นจาก 42.6% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเชิงรุก
- อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio): อยู่ที่ระดับ 2.24% เทียบกับ 1.98%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
- อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ระดับ 160.6% เทียบกับ 163.8%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
- อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 17.13% เทียบกับ 16.56% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไตรมาสสาม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดอย่างมีนัยสำคัญ"

"ในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ กรุงศรียังคงดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อบรรเทาภาระทางการเงินสำหรับลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยที่ประสบปัญหา ในไตรมาส 3/2563 ธนาคารได้ให้การสนับสนุนลูกค้าด้วยการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกค้าก่อนการครบกำหนดมาตรการพักชำระหนี้ในระหว่างไตรมาส"

สำหรับแนวโน้มธุรกิจโดยรวม นายอาคิตะกล่าวว่า "เราคาดว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง และมาตรการทางการคลังของรัฐบาลรวมถึงมาตรการทางการเงินและสินเชื่อ จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสี่ อย่างไรก็ตาม ความเปราะบางทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูงจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาจจะนำไปสู่การหวนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง รวมทั้งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของภาคธุรกิจในประเทศและภาคครัวเรือน ท่ามกลางการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่อ่อนแอ"

"กรุงศรียังคงให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านมาตรการด้านสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้ตลอดจนการสนับสนุนด้านสภาพคล่อง นอกจากนี้ ธนาคารจะดำเนินการติดตามและจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบระมัดระวังเพื่อความแข็งแกร่งของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร และมุ่งเน้นการกำกับดูแลด้วยความเข้มงวดเพื่อให้เชื่อมั่นว่าธนาคารมีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองในระดับสูงและเพียงพอที่จะรองรับกับความท้าทายทางการเงินและเศรษฐกิจ"

ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.84 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.73 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.49 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 276.54 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.13% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 12.24%

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๘ มี.ค. องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๒๘ มี.ค. การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๒๘ มี.ค. DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๒๘ มี.ค. JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๒๘ มี.ค. นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๒๘ มี.ค. Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๒๘ มี.ค. โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๒๘ มี.ค. STEAM Creative Math Competition
๒๘ มี.ค. A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๒๘ มี.ค. ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้