Ascensia Diabetes Care เปิดตัวแอป CONTOUR(R) DIABETES เวอร์ชั่นใหม่ พร้อมฟีเจอร์รองรับการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง

พุธ ๐๙ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๓:๔๑
Ascensia Diabetes Care ประกาศเปิดตัวแอป CONTOUR(R) DIABETES เวอร์ชั่นอัปเกรดใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง My Patterns ที่ใช้อัลกอริทึมสุดล้ำในการวิเคราะห์ผลการตรวจน้ำตาลกลูโคสในเลือดจากเครื่องตรวจรุ่น CONTOUR(R) NEXT ONE ได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น พร้อมให้ข้อมูลที่มีประโยชน์แก่ผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อช่วยผู้ป่วยยกระดับการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง และเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/688515/CONTOUR_DIABETES_App_Highs_On_Monday.jpg )

(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/688518/CONTOUR_DIABETES_App_Pattern_Details.jpg )

(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/688516/CONTOUR_DIABETES_App_and_IMB_Infographic.jpg )

(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/688517/CONTOUR_DIABETES_App_My_Patterns_Infographic.jpg )

แอป CONTOUR(R) DIABETES เวอร์ชั่นอัปเกรด เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ในออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส กรีซ อินเดีย อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส สวีเดน สโลวีเนีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ได้เปิดตัวที่เยอรมนี สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ไปเมื่อปลายปี 2560 โดยสามารถดาวน์โหลดแอปเวอร์ชั่นใหม่ได้แล้วที่ Apple App Store (iOS) และ Google Play (Android)

แอป CONTOUR(R) DIABETES เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2559 โดยได้รับการออกแบบให้ทำงานควบคู่กับเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดรุ่น CONTOUR(R) NEXT ONE ได้อย่างราบรื่น* โดยฟีเจอร์ My Patterns ในแอปเวอร์ชั่นอัปเกรดจะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากเครื่องตรวจ เพื่อตรวจหาและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงรูปแบบน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่ต่ำกว่ามาตรฐาน จากนั้นจึงแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบถึงสิ่งที่อาจเป็นสาเหตุ พร้อมให้คำแนะนำเพื่อจัดการ นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังสามารถตั้งการแจ้งเตือน หรือใช้แผนทดสอบเพื่อปรับปรุงรูปแบบน้ำตาลกลูโคสในเลือดให้ดีขึ้น รวมถึงติดตามความคืบหน้าเพื่อดูว่ารูปแบบดังกล่าวดีขึ้นหรือไม่** แอปเวอร์ชั่นล่าสุดนี้สามารถตรวจจับรูปแบบที่แตกต่างกันได้ถึง 14 รูปแบบ รวมถึงแผนทดสอบแตกต่างกัน 11 แบบ และบริษัทจะเดินหน้าพัฒนาแอปนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมรูปแบบและแผนทดสอบเพิ่มเติม เช่นเดียวกับฟีเจอร์และฟังก์ชั่นใหม่ๆ

ฟีเจอร์ My Patterns พัฒนาขึ้นโดยอิงโมเดลการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะพฤติกรรม (IMB) เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ ที่บุกเบิกโดยนักจิตวิทยาสุขภาพอย่างดร.วิลเลียม ฟิชเชอร์ และดร.เจฟฟรีย์ ฟิชเชอร์ โมเดลที่ได้รับการวิจัยมาเป็นอย่างดีนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องการข้อมูลที่ทำตามได้ ต้องมีแรงจูงใจที่จะปฏิบัติตามข้อมูลนั้น และต้องมีทักษะในการรักษาพฤติกรรมที่เป็นผลดีต่อสุขภาพ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและยกระดับการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองได้ นอกจากนี้ การศึกษาหลายครั้งเพื่อประเมินโมเดลนี้ยังบ่งชี้ว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีคุณสมบัติทั้งสามประการ จะมีการตรวจน้ำตาลกลูโคสในเลือดบ่อยครั้งขึ้น และดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้ดีขึ้น [1] ฟีเจอร์ My Patterns ในแอป CONTOUR(R) DIABETES ได้รับการออกแบบเพื่อส่งเสริมคุณสมบัติทั้งสามประการ และช่วยให้ผู้ป่วยดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี

ดร.วิลเลียม ฟิชเชอร์ ศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยา และนักจิตวิทยาสุขภาพประจำมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ในเมืองลอนดอน ประเทศแคนาดา กล่าวว่า "การดูแลสุขภาพด้วยตนเองมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผลการศึกษาโมเดล IMB ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่ได้รับข้อมูลเพียงพอ มีแรงจูงใจ รวมถึงมีทักษะที่จำเป็นในการริเริ่มและรักษาพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ จะสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว โมเดล IMB ที่ให้ข้อมูลการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองที่ทำตามได้ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตาม และช่วยพัฒนาทักษะในการปฏิบัติตามอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เข้ามาช่วยกำหนดทิศทางในการพัฒนาแอป CONTOUR(R) DIABETES เวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อสร้างสรรค์เครื่องมือที่ใช้งานง่ายและใช้โมเดลพฤติกรรมสุขภาพแบบมีหลักฐานรองรับ ทำให้ผู้ป่วยสามารถจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดมากขึ้น"

ไมเคิล คลอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ascensia Diabetes Care อธิบายว่า "ฟีเจอร์ My Patterns ในแอป CONTOUR(R) DIABETES เวอร์ชั่นใหม่ คือความก้าวหน้าอย่างแท้จริงในการใช้ข้อมูลเพื่อจัดการโรคเบาหวาน โดยสามารถตรวจพบรูปแบบน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่ผู้ป่วยอาจไม่ทราบมาก่อน พร้อมกับแจ้งเตือนผู้ป่วยเพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพด้วยตนเองให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถดูแลอาการของตนเองในช่วงที่ยังไม่ถึงเวลาพบแพทย์ ทั้งยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ซึ่งผู้ป่วยสามารถนำไปปรึกษากับแพทย์ต่อไปได้"

คุณไมเคิลกล่าวเสริมว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ให้แก่ผู้ป่วย เรารับฟังทุกความต้องการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และจะเดินหน้าลงทุนพัฒนาแอป CONTOUR(R) DIABETES ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น และชาญฉลาดยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้ CONTOUR(R) NEXT ONE BGMS เป็นเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดที่แม่นยำที่สุดเท่าที่ Ascensia Diabetes Care เคยพัฒนา โดยผลการวิจัยเผยให้เห็นว่า CONTOUR(R) NEXT ONE BGMS มีความแม่นยำอย่างมากตามเกณฑ์ความแม่นยำ EN ISO 15197:2015 [2] ทั้งในห้องปฏิบัติการและคลินิก โดยผลลัพธ์ 95% อยู่ในกรอบ ±8.4 mg/dL หรือ ±8.4% ของค่าอ้างอิงห้องปฏิบัติการ สำหรับค่าความเข้มข้นของกลูโคส < 100 mg/dL หรือ ≥ 100 mg/dL ตามลำดับ จากการตรวจเลือดที่เจาะจากปลายนิ้วของผู้เข้าร่วมการทดลอง [3]

* กรุณาตรวจสอบรายชื่ออุปกรณ์ที่รองรับทาง http://compatibility.contourone.com/ เพื่อยืนยันว่าอุปกรณ์ของคุณใช้แอป CONTOUR(R) DIABETES ได้

**ข้อมูลที่ได้จากแอป CONTOUR(R) DIABETES ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ โดยเป็นเพียงการให้ข้อมูลเท่านั้น ผู้ป่วยควรปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนอาหาร การรักษา หรือการออกกำลังกาย

อ้างอิง

1. Fisher WA, Kohut T, Schachner H, Stenger P. The Diabetes Educator (2011) 37;1:85-94

2. International Organization for Standardization (2015). In vitro diagnostic test systems-requirements for blood-glucose monitoring systems for self-testing in managing diabetes mellitus (EN ISO 15197:2015)

3. Christiansen et al. Poster presented at the 15th Annual Meeting of the Diabetes Technology Society, October 22-24, 2015, Bethesda, Maryland

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:

โจเซฟ เดลาฮันตี

รองประธานและหัวหน้าฝ่ายสื่อสารสากล

Ascensia Diabetes Care

อีเมล: [email protected]

โทร. +41-79-422-9286

ที่มา: Ascensia Diabetes Care

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest