การวินิจฉัยโรค SLE จะต้องอาศัยประวัติการเจ็บป่วยและผลเลือด โดยมีเกณฑ์การวินิจฉัยความผิดปกติ ดังนี้ครับ
1. ผื่นบริเวณใบหน้าและมีการกระจายเป็นรูปผีเสื้อ
2. ผื่นผิวหนังชนิดที่เรียกว่าผื่นดีสคอยด์ พบได้บ่อยบริเวณใบหน้า ใบหู ลำตัว และแขนขา
3. อาการแพ้แดด โดยมีผื่นผิวหนังแดงอย่างรุนแรงเมื่อโดนแดด
4. แผลในปาก
5. ข้ออักเสบ
6. ไตอักเสบโดยปริมาณโปรตีนหรือไข่ขาวในปัสสาวะมากกว่าปกติ
7. อาการชักหรืออาการทางระบบประสาทอื่นๆ
8. เยื่อหุ้มปอดหรือหัวใจหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
9. อาการซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ หรือเกล็ดเลือดต่ำ (ที่ไม่ได้เกิดจากยาหรือการติดเชื้อ)
10. ตรวจพบแอนตินิวเคลียร์แอนติบอดีในเลือด
11. ตรวจพบแอนติบอดีต่อดีเอ็นเอ หรือการตรวจพบแอนติฟอสโฟไลปิดแอนติบอดี
หากพบความผิดปกติ 4 ใน 11 ข้อ ควรได้รับการตรวจและรักษาที่ถูกต้อง เพราะโรคนี้มีอาการแสดงที่หลากหลายและมีความรุนแรงแตกต่างกัน การดูแลรักษาผู้ป่วยแต่ละคนจึงมีความแตกต่างกันไปด้วย และแม้ว่าจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายแต่ผู้ป่วยสามารถมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงกับคนปกติ หากปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอนั่นเองครับ...