มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ศัตรูตัวร้ายของระบบภูมิคุ้มกัน

พฤหัส ๐๖ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๐๘:๓๘
หากเปรียบร่างกายเป็นเมืองเมืองหนึ่ง ระบบภูมิคุ้มกันก็ไม่ต่างไปจากป้อมปราการที่คอยปกป้องร่างกายจากภัยรุกราน แต่ละหน่วยที่ประกอบขึ้นเป็นระบบภูมิคุ้มกันจึงไม่ต่างจากหน่วยรบที่คอยเฝ้าระวังภัยให้ร่างกายอยู่เสมอ แต่จะเป็นอย่างไร หากวันหนึ่งหน่วยรบของเราโดนโจมตีจนเจ็บป่วยเสียเอง
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ศัตรูตัวร้ายของระบบภูมิคุ้มกัน

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) คือศัตรูตัวฉกาจของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับองค์ประกอบสำคัญหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันอย่างระบบน้ำเหลืองซึ่งเป็นระบบที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย ระบบน้ำเหลืองประกอบด้วยน้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง และต่อมน้ำเหลือง มีหน้าที่คอยทำลายเชื้อโรคต่างๆ ที่รุกล้ำเข้ามาในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นกับระบบน้ำเหลืองได้ทุกบริเวณในร่างกาย โดยบริเวณที่พบได้บ่อย คือ คอ รักแร้ และขาหนีบ ซึ่งมีอาการบ่งชี้เป็นการบวมโตของต่อมน้ำเหลืองที่มักจะไม่มีอาการเจ็บร่วมด้วย

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งง่ายๆ ได้ 2 ชนิด คือ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma: NHL) และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Disease: HD) ซึ่งมีขบวนการการรักษาต่างกัน และอาจมีการตอบสนองต่อการรักษาที่ต่างกันด้วย ดังนั้น การวินิจฉัยเพื่อระบุชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจึงจำเป็นอย่างมากต่อกระบวนการรักษา

รศ.พ.อ.นพ. วิเชียร มงคลศรีตระกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา ศูนย์มะเร็ง Horizon โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า "ถึงแม้มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินจะพบได้น้อยกว่ามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน โดยพบได้ประมาณ 12% ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งหมด แต่ก็เป็นโรคที่ควรระมัดระวัง เพราะสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยจะพบได้น้อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่จะพบได้มากใน 2 ช่วงอายุ คือ 15-35 ปี และอีกช่วงคือมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ในกลุ่มผู้ป่วยเด็ก เด็กผู้ชายมีโอกาสเป็นมากกว่าเด็กผู้หญิงประมาณ 3 เท่า ส่วนในวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่จะมีโอกาสเกิดโรคในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า"

สาเหตุของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินเกิดจากเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า Reed-Sternberg Cell ซึ่งอยู่ภายในต่อมน้ำเหลือง และมีปัจจัยเสี่ยง คือ อายุที่เพิ่มขึ้น เพศ การติดเชื้อ เช่น เอชไอวี (HIV) เชื้อไวรัสอีบีวี (EBV) ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคพุ่มพวง และปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น หากมีพี่น้องหรือญาติที่เป็นโรคนี้ก็จะมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้ด้วย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้มักจะมีการบวมโตของต่อมน้ำเหลือง โดยอาจจะไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียสติดต่อกันอย่างน้อย 3 วันโดยไม่มีสาเหตุ เหงื่อออกชุ่มตัวตอนกลางคืนโดยไม่มีสาเหตุ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตั้งแต่ 10% ขึ้นไปในช่วงระยะเวลา 6 เดือน และอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ

เช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่นๆ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ

- ระยะที่ 1 มีต่อมน้ำเหลืองโตเพียงกลุ่มเดียวที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ที่คอด้านขวาที่เดียว

- ระยะที่ 2 มีต่อมน้ำเหลืองโต 2 กลุ่มหรือมากกว่า แต่ต้องเป็นในกลุ่มต่อมน้ำเหลืองที่อยู่เหนือหรือใต้กระบังลมเหมือนกัน เช่น เป็นที่คอและรักแร้ ซึ่งต่างก็อยู่เหนือกระบังลม

- ระยะที่ 3 มีต่อมน้ำเหลืองโต 2 กลุ่มหรือมากกว่าทั้งบริเวณเหนือและใต้กระบังลม เช่น พบทั้งที่คอและบริเวณขาหนีบ

- ระยะที่ 4 โรคแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่ออวัยวะอื่นที่ไม่ใช่ต่อมน้ำเหลือง เช่น ไขกระดูก ตับ ปอด และสมอง

สำหรับการรักษา แนวทางในการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินในปัจจุบันนั้นค่อนข้างหลากหลาย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะของโรค อายุของผู้ป่วย และสภาพร่างกายของคนไข้ โดยทางเลือกในการรักษามีทั้งการใช้เคมีบำบัด ซึ่งวิธีนี้แพทย์สามารถเลือกใช้สูตรผสมของเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง การฉายรังสีซึ่งมักจะใช้ในกรณีก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่แล้วไปกดทับอวัยวะ หรือในกรณีที่ก้อนมะเร็งไม่อยู่ในพื้นที่สำคัญ เช่น สมอง หรือไขสันหลัง การปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นวิธีที่ใช้เมื่อโรคมีความรุนแรงมาก หรือโรคกลับมาเป็นซ้ำ นอกจากนี้ ยังพบทางเลือกใหม่ในการรักษาคือ ยาพุ่งเป้า (Targeted Therapy) และยาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีโอกาสตอบสนองต่อยาและมีอัตราการรอดชีวิตที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและการปลูกถ่ายไขกระดูก

เมื่อป้อมปราการโดนโจมตี แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อเมืองอย่างรวดเร็ว การป้องกันและหาทางรับมืออย่างทันท่วงทีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งป้องกันความเสียหายได้มากเท่านั้น ดังนั้น หากสังเกตตนเองแล้วสงสัยว่ามีอาการผิดปกติเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง การรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตนเองจึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด เพื่อช่วยปกป้องหน่วยรบของร่างกายให้ทันเวลา

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ศัตรูตัวร้ายของระบบภูมิคุ้มกัน มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ศัตรูตัวร้ายของระบบภูมิคุ้มกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?