วิธีการรักษารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสิวที่ถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ ในปัจจุบันการรักษาสิวที่ถูกวิธีทำได้โดยการใช้ยา ไม่ว่ายาชนิดทาหรือยารับประทานอย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ร่วมกัน ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังถือเป็นวิธีที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน การดูแลอย่างเหมาะสมและต่อเนื่องจะนำไปสู่การป้องกันการเกิดแผลเป็นหลุมสิวได้ กรณีที่เกิดแผลเป็นหลุมสิวแล้ว ในปัจจุบันนี้มีการรักษาหลายวิธี เช่น การรักษากลุ่มเลเซอร์ การทำหัตถการหรือการใช้แสงต่าง ๆ การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ชนิดทาอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้ผลดีมากเท่าที่ควร บางการรักษาก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงและต้องการการดูแลหลังรักษาเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้การรักษาสิวที่ถูกต้องและรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยสิวทุกคน
ปัจจุบันยาที่ใช้ในการรักษาสิวประกอบด้วยทายาซึ่งมีหลายชนิด ชนิดหลัก ๆ จะเป็นยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์หรือยาในกลุ่มวิตามินเอชนิดทา ส่วนยารับประทานก็มีหลายชนิดเช่นกัน ที่ใช้บ่อยคือยาปฏิชีวนะหรือยาวิตามินเอชนิดรับประทาน และยารับประทานชนิดที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชายซึ่งสามารถใช้รักษาคนไข้ผู้หญิงที่เป็นสิวได้ดี เนื่องจากยาแต่ละชนิดมีกลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน แพทย์จึงมักใช้ยามากกว่าหนึ่งชนิดร่วมกันโดยเฉพาะในช่วงแรกของการรักษาเพื่อให้สามารถควบคุมสิวได้ดี รวดเร็วและมีผลข้างเคียงน้อย เมื่อสิวดีขึ้นแล้วแพทย์มักจะแนะนำให้รักษาต่อเนื่องโดยการทายาเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นสิวซ้ำ
อ.นพ.ชนัทธ์ กำธรรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะนำเพิ่มเติมว่าควรหลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกาบริเวณที่มีสิวเนื่องจากจะทำให้เกิดแผลหรือรอยตามมา และอาจเกิดแผลเป็นจากสิวได้ นอกจากการรักษาด้วยการใช้ยาแล้ว การดูแลความชุ่มชื้นผิวหนังที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การล้างหน้าโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้สารที่ระคายเคือง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณที่แห้งหรือลอกจากการทายาควบคู่กับการป้องกันแสงแดดที่ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่ไปตลอดการรักษา โดยสรุปวิธีการรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิวที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือการป้องกันและการรักษาสิวที่ถูกวิธีและควรจะต้องรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ นะครับ
