ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมกิจกรรมพัฒนาความสะอาดบริเวณริมคลองหลอด (คลองคูเมืองเดิม) ถ.ราชดำเนิน ตามโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และจัดระเบียบคนเร่ร่อนท้องสนามหลวงและบริเวณโดยรอบ พร้อมนำบริการด้านต่างๆ อาทิ หน่วยบริการจัดหางานเคลื่อนที่ บริการตรวจและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ งานทะเบียน และตัดผม ซึ่งสำนักงานเขตพระนคร กทม. ร่วมกับภาครัฐ อาทิ หน่วยงานทหาร กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคม กระทรวงมหาดไทย ศูนย์บริการสาธารณสุข และมูลนิธิต่างๆ ประสานความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในบริเวณดังกล่าวให้ดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนๆ ละ 1 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ย.52 เป็นต้นมา เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่บริเวณโดยรอบท้องสนามหลวงต่อไป
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการจัดหางานให้แก่คนเร่ร่อนที่ผ่านมา มีผู้สนใจมาลงทะเบียนประมาณ 400 คน ในจำนวนนี้สามารถจัดหางานให้ทำได้แล้ว 20 คน เนื่องจากส่วนใหญ่ยังติดปัญหาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่ง กทม.ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย ค้นประวัติจากผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อำเภอ เพื่อออกบัตรประจำตัวประชาชน และให้ได้รับบริการในด้านต่างๆ จากรัฐตามสิทธิด้วย ส่วนปัญหาผู้ค้าหาบเร่ แผงลอย บริเวณริมคลองหลอด นั้น เบื้องต้น กทม.ยังอนุโลมให้ค้าขายได้ แต่ขอความร่วมมือให้ช่วยกันดูแลความสะอาด จัดเก็บขยะ และไม่วางสิ่งของกีดขวางทางเดินเท้า ส่วนระยะยาวจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับคณะกรรมการจับระเบียบหาบเร่แผงลอย ซึ่งจะพิจารณารวมถึงพื้นที่อื่นๆ ทั้งตลาดโบ๊เบ๊ และคลองโอ่งอ่าง ไปพร้อมกัน
รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เน้นย้ำให้ดูแลพื้นที่สนามหลวงและโดยรอบพร้อมจัดกิจกรรมต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการบริหารงาน 4 ปี เพื่อให้ปัญหาคนเร่ร่อนในพื้นที่สนามหลวงเบาบางลงและจัดระเบียบพื้นที่สนามหลวงและบริเวณโดยรอบให้เป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น โดยในวันที่ 16 ต.ค.นี้ กทม.จะประชุมร่วมกับคณะทำงานดูแลพื้นที่ท้องสนามหลวง ครั้งที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิต่างๆ เพื่อร่วมกันหาทางออกและกำหนดเป็นมาตรการในการจัดระเบียบท้องสนามหลวงและแก้ปัญหาคนเร่ร่อนที่ชัดเจน พร้อมกันนี้กทม.จะหารือในการประชุมผู้บริหารวันอังคารนี้ (6 ต.ค.) ถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์และแก้ไขปัญหาสะพานพุทธรวมถึงพื้นที่โดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเร่ร่อนและหาบเร่แผงลอยเข้าไปใช้พื้นที่ดังกล่าวในช่วงที่มีการจัดระเบียบท้องสนามหลวงด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของโครงการทิ้ง จับ ปรับ ซึ่งเริ่มจับปรับจริงตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า จับปรับผู้ฝ่าฝืนทิ้งขยะไม่เป็นที่ได้จำนวน 146 คน เป็นเงิน 14,600 บาท และตักเตือนจำนวน 200 กว่าราย ซึ่งรองผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า โครงการทิ้ง จับ ปรับ ของกรุงเทพมหานครนั้น ไม่ได้มุ่งเน้นรายได้จากการจับปรับ แต่ต้องการให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง และร่วมกันดูแลความสะอาดของกรุงเทพมหานครร่วมกัน