Carbon Footprint คือ ปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ก๊าซเรือนกระจก อื่นๆ อาทิ ก๊าซมีเทน ก๊าซหัวเราะ เป็นต้น ที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์หรือบริการ (ตามข้อกำหนด ISO 14040) ซึ่งมีแหล่งกำเนิดของก๊าซมาจากกิจกรรมต่างๆ อาทิ การใช้ไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล กระบวนการในภาคอุตสาหกรรม กสิกรรม เป็นต้น ซึ่ง Carbon Footprint จะเป็นตัววัดผลกระทบของผลิตภัณฑ์และบริการจากกิจกรรมของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมเชิงปริมาณ โดยบ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential, GWP) ซึ่งสามารถคำนวณ/ วัดจากการใช้หลักการการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) ซึ่งเป็นหลักการตามมาตรฐานสากล ISO 14040, 14044 ที่ใช้สำหรับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ดร.กิตตินันท์ อันนานนท์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (XCEP) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ในการประกวดครั้งนี้มีการดำเนินการเพื่อตรวจวัด Carbon Footprint ของการจัดงานด้วย โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นการประมาณ Carbon Footprint ที่จะเกิดขึ้นจากการจัดงาน โดยดูจากปริมาณการใช้กระดาษ การใช้ไฟฟ้า การเดินทาง และอื่นๆ จากการคำนวณโดยใช้ฐานข้อมูลที่มีอยู่คาดว่าหากจัดงานแบบทั่วไปจะทำให้เกิดปริมาณ CO2 ประมาณ 110,000 กิโลกรัม แต่หากมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การใช้ระบบไอทีเพื่อลดการเดินทาง เข้ามาช่วย จะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือประมาณ 44,000 กก. ในส่วนที่สองจะทำการเก็บบันทึก Carbon Footprint ที่เกิดขึ้นจริงในการจัดงานครั้งนี้ โดยจะรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งในส่วนของการใช้แอร์ การใช้ไฟฟ้า กระดาษ การเดินทาง ฯลฯ และนำมาประมวลผลจากฐานข้อมูลปริมาณคาร์บอนจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
การนำเสนอผลงานในปีนี้ ดร. กิตตินันท์ กล่าวเสริมว่า ผู้ที่ส่งผลงานเข้าประกวดทุกทีมจะได้ทำการประมาณการ Carbon Footprint ของผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยจะเป็นการคิดตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือบริการ สิ่งที่ได้จะบ่งชี้ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นโดยใช้ของเดิมเป็นฐานในการเปรียบเทียบ
โครงการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ หรือ EcoDesign 2010 ปีที่ 3 นี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะเป็นสะพานนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเกณฑ์การตัดสินจะมุ่งเน้นไปที่ผลงาน ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยแบ่งออกเป็น การตระหนักถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมากกว่า 50% ส่วนที่เหลือจะดูในเรื่องของความสวยงามและฟังก์ชั่นการใช้งาน ดังนั้นจึงอยากฝากให้ทุกคนร่วมส่งผลงานเข้ามาประกวดกันมาก ๆ เพราะการประกวดครั้งนี้ไม่ใช่เวทีการแข่งขันเพื่อชัยชนะเท่านั้น หากแต่เป็นเวทีของการมีส่วนร่วมทางความคิดที่จะช่วยกันหา Solution หรือทางเลือกในการรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาโลกร่วมกันอีกด้วย และทางผู้จัดยังได้เน้นถึงการส่งเสริมต่อยอดความคิดที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดเป็น ผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และจะสนับสนุนให้มีการส่งไปประกวดหรือขอรับรองมาตรฐานในระดับนานาชาติอีกด้วย ดร.กิตตินันท์ กล่าวทิ้งท้าย
“เอ็มเทค” จึงขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่และกลุ่มธุรกิจ ร่วมผนึกไอเดียสร้างสรรค์ พร้อมส่งผลงานเข้าประกวดภายใต้แนวคิด ”ลดโลกร้อนด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2553 เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล และงบประมาณสนับสนุนการจัดทำผลงานรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mtec.or.th/EcoDesign2010