ผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนพฤศจิกายน 2553 และรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2553

พุธ ๒๒ ธันวาคม ๒๐๑๐ ๐๙:๔๒
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนพฤศจิกายน 2553 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2553 ดังนี้

ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ1. การกู้เงินภาครัฐ

1.1 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล

การกู้เงินในประเทศของรัฐบาลในเดือนพฤศจิกายน 2553

ในเดือนพฤศจิกายน 2553 กระทรวงการคลังได้เบิกเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 6,000 ล้านบาท และกู้เงิน เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 20,020.95 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 19,900 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ 120.95 ล้านบาท

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการกู้เงินรวม 48,020.95 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 36,020.95 ล้านบาท

2. การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 12,000 ล้านบาท

1.2 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ

การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนพฤศจิกายน 2553

ในเดือนพฤศจิกายน 2553 รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวมกันทั้งสิ้น 2,086.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1,436.90 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 2,736.90 ล้านบาท

2. การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

2.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนพฤศจิกายน 2553

ในเดือนพฤศจิกายน 2553 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล โดยการปรับโครงสร้างหนี้ FIDF 3 ดังนี้

1. การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 2,000 ล้านบาท

2. การออกพันธบัตรรัฐบาล 12,000 ล้านบาท โดยนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของ FIDF 3 จำนวน 4,011.81 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF1 และ FIDF 3) ต่อไป ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวจะไม่ปรากฏในตารางที่ 3 เนื่องจากจะเป็นการ นับซ้ำกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รายงานไปแล้วในเดือนสิงหาคม 2553

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 2,000 ล้านบาท

2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนพฤศจิกายน 2553

ในเดือนพฤศจิกายน 2553 รัฐวิสาหกิจได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศรวมกันเป็นเงิน 2,683.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 2,683.77 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 6,113.77 ล้านบาท

3. การชำระหนี้ภาครัฐ

ในเดือนพฤศจิกายน 2553 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 8,354.32 ล้านบาท ดังนี้

- ชำระหนี้ในประเทศ 8,170.70 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 575 ล้านบาท และดอกเบี้ย 7,595.70 ล้านบาท

- ชำระหนี้ต่างประเทศ 183.62 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 59.12 ล้านบาท ดอกเบี้ย 124.35 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.15 ล้านบาท

แผนภาพที่ 5 การชำระหนี้ภาครัฐในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมรวม 12,378.15 ล้านบาท

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. ตัวเลขในตารางเป็นตัวเลขเบื้องต้น (Preliminary) และไม่รวมหนี้ของ SPV จำนวน 23,999.90 ล้านบาท ที่รัฐบาลมีภาระผูกพันต้องจ่ายภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่อาคารสัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ และสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถ. แจ้งวัฒนะ

รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2553

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2553 มีจำนวน 4,201,323.70 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.01 ของ GDP โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,891,655.40 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,072,375.84 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 175,200.26 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 62,092.20 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 29,421.04 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 15,826.91 ล้านบาท 11,606.73 ล้านบาท 1,979.17 ล้านบาท และ 8.23 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้น ไม่มีหนี้คงค้าง

1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง

1.1 หนี้ในประเทศ

หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 16,200.56 ล้านบาท โดยเกิดจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 37,290 ล้านบาท เป็นสำคัญ

1.2 หนี้ต่างประเทศ

หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 373.65 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.03 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการไถ่ถอนประมาณ 1,229.05 ล้านเยน หรือคิดเป็น 15.23 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 3.65 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยมีรายละเอียดหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงในสกุลเงินต่างๆ

ตารางที่ 7 การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐ หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

แผนภาพที่ 7 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ในประเทศ

2.1.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 5,674.64 ล้านบาท โดยเกิดจาก

- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการเคหะแห่งชาติได้ไถ่ถอนพันธบัตรรวม 2,000 ล้านบาท รวมถึงการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ออกพันธบัตรและไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท และ 2,400 ล้านบาท ตามลำดับ

- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 2,274.64 ล้านบาท

2.1.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 8,372.36 ล้านบาท โดยเกิดจาก

- การประปานครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท และ 229.95 ล้านบาท ตามลำดับ

- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 7,142.41 ล้านบาท

2.2 หนี้ต่างประเทศ

2.2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3,424.51 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 184.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 186.78 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการไถ่ถอนประมาณ 169.29 ล้านเยน หรือคิดเป็น 2.10 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 0.25 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ ปรากฏตามตารางที่ 8

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

2.2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 984.24 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.11 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 63.10 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 13.15 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 18.28 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเยนได้มีการไถ่ถอนประมาณ 857.71 ล้านเยน หรือคิดเป็น 10.63 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 6.08 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ไม่ค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ ปรากฏตามตารางที่ 9

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ในประเทศ

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลง 2,026.83 ล้านบาท เนื่องจากมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 2,026.83 ล้านบาท

3.2 หนี้ต่างประเทศ

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 47.66 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.57 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.54 ล้านเหรียญสหรัฐ

- สกุลเงินเยนได้มีการไถ่ถอนประมาณ 78.05 ล้านเยน หรือคิดเป็น 0.97 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐหนี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๔๑ PRM ร่วมงาน OppDay มั่นใจธุรกิจปี 67 สดใส
๑๗:๓๘ Bitkub Chain ร่วม OpenGuild และ Polkadot เปิดพื้นที่รวมตัว Community รับ SEA Blockchain Week 2024
๑๗:๔๙ HOYO SOFT AND SAFE ผู้ผลิตคอกกั้นเด็กคุณภาพสูง มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย ได้รับการไว้วางใจจากประสบการณ์ลูกค้าโดยการบอกปากต่อปาก
๑๗:๓๗ แนวทางสร้างสมดุลระหว่าง อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และ คำมั่นสัญญาของ Generative AI
๑๖:๔๖ Maison Berger Paris เผยเครื่องหอมสำหรับบ้านรูปแบบใหม่ล่าสุด 'Mist Diffuser' ภายใต้คอลเลคชันยอดนิยมตลอดกาล Lolita
๑๖:๐๕ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (acute diarrhea)
๑๖:๓๙ JGAB 2024 จัดเต็มครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน กับกิจกรรมและโซนจัดแสดงเครื่องประดับสุดพิเศษ พร้อมต้อนรับนักธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก เริ่ม 1 พ.ค. 67
๑๖:๒๘ สอศ. จับมือแอร์มิตซูบิชิ ดิวตี้ รับมอบเครื่องปรับอากาศในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาด้านเครื่องปรับอากาศ
๑๖:๓๘ DKSH ประเทศไทย คว้า 8 รางวัลอันทรงเกียรติ ในงาน Employee Experience Awards ประจำปี 2567
๑๖:๑๖ เด็กล้ำ! นักศึกษา SE SPU คว้ารางวัลรองชนะเลิศ Best Paper ผลงานนวัตกรรมเนื้อสัตว์แพลนต์เบส สุดยอดแห่งความยั่งยืน