นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดเผยว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้บัญชาให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากที่เดิม เป็นการจับกุมผู้กระทำละเมิดโดยทั่วไปมาเป็นการจับกุมผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรายใหญ่ หรือมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง ซึ่งในปี 2553 ที่ผ่านมากรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ดำเนินการตามบัญชา และสามารถจับกุมรายใหญ่ได้จำนวนมาก โดยทำการจับกุมแหล่งเก็บ แหล่งผลิต และแหล่งจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารายใหญ่ที่ยึดของกลางได้ตั้งแต่ 3,000 ชิ้นขึ้นไปจำนวน 89 คดี ยึดของกลางได้ 3,189,344 ชิ้น คิดเป็นของกลางเฉลี่ย 35,835.32 ชิ้นต่อคดีซึ่งจำนวนของกลางต่อคดีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21.59 เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีการจับกุมรายใหญ่ 107 คดี ยึดของกลางได้ 3,154,093 ชิ้น คิดเป็นของกลางเฉลี่ย 39,447.50 ชิ้นต่อคดี
“ในจำนวนนี้มีการจับกุมแหล่งจำหน่ายสินค้าละเมิดรายสำคัญคือ ตลาดกำนันหลัก จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีการจับกุมถึง 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 37 สิงหาคม 2553 และ 15 ตุลาคม 2553 ยึดของกลางเป็นแผ่นซีดี ดีวีดีเพลง และภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์ได้มากถึง 389,990 แผ่น ทั้งนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งขยายผลเพื่อเอาผิดกับเจ้าของพื้นที่ต่อไป” นางปัจฉิมากล่าว
นางปัจฉิมากล่าวต่อไปว่านอกจากนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สิน ทางปัญญาที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอนามัยของประชาชนเป็นพิเศษ ทั้งนี้ในปี 2553 ได้ทำการจับกุมแหล่งผลิต และแหล่งเก็บสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอนามัยจำนวนมาก เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ๊วขาว น้ำส้มสายชู ยา และเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นการจับกุมรายใหญ่จำนวน 17 คดี ยึดของกลางได้ 692,118 ชิ้น และสำหรับปีนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา จะเร่งดำเนินการปราบปรามสินค้าที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องไปโดยจะดำเนินการควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ถึงโทษของการใช้สินค้าดังกล่าวอย่างกว้างขวางด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ อินทิรา ใจอ่อนน้อม
เอกภพ พันธุรัตน์
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด
โทร. 0-2718-1886