คุณณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเพิลมีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า “ด้วยประสบการณ์ของพีเพิลมีเดียที่ผลิตสื่อในธุรกิจ SMEs มากว่า 9 ปีแล้ว ทั้งรายการโทรทัศน์ SMEs ชี้ช่องรวย และนิตยสาร SMEs ชี้ช่องรวย อีกทั้งเรายังได้ขยายงานเพิ่มเติม อาทิ การผลิตพ็อกเก็ตบุ๊คในกลุ่มคู่มืออาชีพ แนะนำธุรกิจ ความรู้ด้านการตลาด และตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จในแวดวงของธุรกิจ รวมถึงการเพิ่มรายการโทรทัศน์ในช่องทางอื่นๆ นอกเหนือจากฟรีทีวี สทท. 11 ที่ SMEs ชี้ช่องรวยทำมาอย่างต่อเนื่องกว่า 9 ปีแล้ว อาทิ รายการชี้ช่องรวยสุดสัปดาห์ (MVTV5) รายการวาไรตี้ชี้ช่องรวย (S-Channel) รายการดูแล้วรวย (MVTV5) และรายการน้องใหม่ล่าสุด มหกรรมชี้ช่องรวย (TNN2)
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ที่ต้องการมองหาอาชีพ อยากได้ธุรกิจ กับผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจของตนเองโดยการขายแฟรนไชส์ ต้องการตัวแทนจำหน่าย หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นโอกาสธุรกิจ ซึ่งทำให้เรามองเห็นความสำคัญของการสร้างผู้ประกอบการ SME ให้เกิดขึ้น และส่งเสริมศักยภาพ ต่อยอดธุรกิจ การจัดงานมหกรรมชี้ช่องรวย 2011 ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่เราเริ่มทำ เพราะการเปิดพื้นที่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายตัวจริงได้มีเวทีในการเจรจาธุรกิจหลายธุรกิจได้ในครั้งเดียว แทนที่จะต้องไปแสวงหาข้อมูล เดินทางไปชิม หรือไปชมสินค้าทีละแห่ง การรวบรวมธุรกิจไว้บนพื้นที่แสดงสินค้าเป็นหนทางที่จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความตั้งใจในการสร้างหรือขยายธุรกิจของตัวเองได้”
แม้จะเพิ่งจัดงานแสดงธุรกิจเป็นครั้งแรก แต่พีเพิลมีเดียไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด ผู้บริหารฯ กล่าวต่อไปว่า “เราเคยจัดงานเกี่ยวกับ SMEs ในรูปแบบอื่นๆ หลายครั้ง อาทิ การทำ Matching ธุรกิจหลายครั้ง แบ่งออกเป็นประเภทธุรกิจ โดยมีผู้ประกอบการมาโชว์เคส พร้อมกับเปิดโอกาสให้มีการซื้อขายธุรกิจภายในงานรวมถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว เรามีงานสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับ SMEs ในหัวข้อ “ทิศทาง SMEs ปี 2554” มีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 500 คน อีกทั้ง เรามีโครงการที่จะสร้างผู้ประกอบการใหม่ ในชื่อโครงการแจกธุรกิจฟรี “SMEs ชี้ช่องรวย สร้างผู้ประกอบการใหม่” โดยการแจกธุรกิจเป็นรูปแบบคีออสก์หรือเครื่องสำหรับลงทุนเปิดร้านได้ทันที เสมือนการให้เครื่องมือในการทำมาหากิน สร้างรายได้ในระยะยาว ซึ่งทำให้ทีมงานพบว่า มีผู้สนใจทำธุรกิจกันมาก หรือแม้แต่ต้องการต่อยอดจากธุรกิจเดิม”
คุณณรินณ์ทิพให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภายในงาน ผู้จัดงานแบ่งโซนต่างๆ ออกเป็น 3 โซนเพื่อความสะดวกสำหรับผู้เข้าร่วมงานให้สามารถเลือกสรรธุรกิจได้ในหมวดธุรกิจที่ตนเองสนใจ
โซนโอกาสธุรกิจ (Business Opportunities Zone)รวมธุรกิจ SMEs เมืองไทยไว้มากถึง 9 หมวดธุรกิจ คือ (1) ธุรกิจอาหาร-ไอศกรีม-เบเกอรี่ (2) ธุรกิจกาแฟ-เครื่องดื่ม (3) ธุรกิจความงาม-สุขภาพ (4) ธุรกิจหยอดเหรียญ (5) ธุรกิจการศึกษา-ไอที (6) ธุรกิจค้าปลีก-บริการ (7) ธุรกิจ OEM รับผลิต (8) ตัวแทนจำหน่าย และ(9) วาไรตี้
โซนหน่วยงานสนับสนุน (Support Zone) และภายในงานยังมีหน่วยงานจากภาครัฐ สถาบันการเงิน รวมถึงภาคเอกชน ที่ให้บริการสำหรับ SMEs หรือ ผู้กำลังมองหาธุรกิจ แต่ยังขาดปัจจัยต่างๆ เช่น เงินทุน หรือเทคโนโลยี ในการที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจ หรือเพื่อจะสร้างให้ธุรกิจเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย SME Bank หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นอกจากนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออกยังมาช่วยเตรียมความพร้อม SMEs ที่ประสงค์จะส่งออก
และโซนแหล่งรวมความรู้และการอบรม (Academic Zone) แหล่งความรู้ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบในการสัมมนาให้ความรู้ หรือจะเป็นการอบรมอาชีพที่เน้นการปฏิบัติจริง เรียกว่า เวิร์คช็อป ซึ่งเรามีหัวข้อให้เลือกกว่า 20 หัวข้อ
“ทั้งหมดรวมมาไว้ที่งานนี้งานเดียว โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการที่จะทำให้ผู้ที่สนใจทำธุรกิจได้เจอกับเจ้าของธุรกิจตัวจริง เสียงจริง มาอยู่ในงานเพื่อให้ผู้มาเดินงานเพื่อเจรจาธุรกิจได้พูดคุย เจรจา ต่อรองกันได้แบบตัวต่อตัว เพราะเรายังมีห้องสำหรับผู้ที่ต้องการ Matching กับผู้ประกอบการรายใด ก็สามารถที่จะลงทะเบียนล่วงหน้าเข้ามาได้
ทุกท่านสามารถมางานนี้ได้ เพราะเป็นงานที่เหมาะสำหรับกลุ่มที่ยังไม่มีธุรกิจ แต่กำลังมองหาความรู้ทางด้านการทำธุรกิจ อาชีพที่เหมาะสม และเลือกแบรนด์ที่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีงานประจำทำอยู่แล้ว นักศึกษาจบใหม่ คนที่เกษียณก่อนวัย หรือวัยเกษียณอายุ มีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง มองหาธุรกิจทำ ส่วนท่านที่มีธุรกิจอยู่แล้วก็สามารถที่จะมาต่อยอดธุรกิจ หาอุปกรณ์เพิ่มเติม หรือมาหาไอเดียในการปรับปรุงร้านหรือธุรกิจของท่านได้เช่นกัน” คุณณรินณ์ทิพกล่าวทิ้งท้าย