1. สินค้าต้องผลิตในประเทศที่หน่วยงาน CA (Competent Authority) ของเวียดนามให้การรับรองว่าได้มาตรฐานความปลอดภัยของเวียดนาม นอกจากนี้ ต้องบรรจุและเก็บรักษาด้วยวิธีที่ถูกสุขอนามัย รวมทั้งติดฉลาก ระบุชื่อของสินค้า ชื่อและที่อยู่ของสถานที่ผลิตและข้อมูลอื่นๆเป็นภาษาเวียดนาม หากเป็นสินค้าดัดแปลงพันธุกรรม (Genetically Modified) สินค้าที่ผ่านการฉายรังสีหรือสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ต้องแนบเอกสาร Certificate of Free Sale (CFS) ที่ออกโดย CA ของประเทศผู้ส่งออก (Circular No. 63/2010/TT-BNNPTNT)
2. CA ของประเทศผู้ส่งออกต้องเก็บข้อมูลเอกสารส่งหน่วยงาน National Agro-Forestry-Fisheries Quality Assurance Department ของเวียดนาม รวมทั้งข้อมูลระบบควบคุมความปลอดภัยอาหาร รายชื่อยาฆ่าแมลง รายชื่อวัตถุกันเสียที่ใช้ในการผลิต การเก็บรักษาและการจำหน่าย รวมทั้งโปรแกรมแสดงการปรับปรุงความปลอดภัยของอาหารในขั้นการผลิต การใช้ภายในประเทศและการส่งออก
3. ความถี่ในการตรวจสอบสินค้านำเข้า มี 2 ประเภทคือการตรวจแบบ Regular inspection ซึ่งจะสุ่มตรวจร้อยละ 10 ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของสินค้านั้นและการตรวจแบบ Intensified inspection ซึ่งจะสุ่มตรวจร้อยละ 30 และหากสินค้าถูกตรวจสอบพบความเสี่ยงบ่อยครั้งอย่างต่อเนื่อง จะตรวจเข้มร้อยละ 100
นายสุรศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2553 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปเวียดนามมูลค่า 9, 269 ล้านบาท ลดลงจากปี 2552 ร้อยละ 9 ปี 2554(ม.ค.-มี.ค.) ส่งออก 2, 213ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 40 ทั้งนี้ เวียดนามเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรปฏิบัติตามกฏหมายดังกล่าว โดยสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nafiqad.gov.vn/b-legal-documents
ที่มา : กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ