ศศินทร์ชี้ถึงเวลาบริหารธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี (Compassion)เผยเป็นกลยุทธ์ที่สร้างมูลค่าและความแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง

พฤหัส ๓๑ พฤษภาคม ๒๐๑๒ ๑๐:๓๐
สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์เผยนักธุรกิจไทยตื่นตัวรับแนวคิดบริหารองค์กรรูปแบบใหม่ ชี้ถึงเวลาใช้ความโอบอ้อมอารีรับมือการแข่งขัน ยืนยันเป็นกลยุทธ์ไม่ต้องลงทุนสูงแต่สามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง

ผศ.ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ เปิดเผยถึงการจัดสัมมนาเรื่องการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี (Compassion) ซึ่งจัดโดยสมาคมศิษย์เก่า สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์และกลุ่มบริษัท บีกริม ผลปรากฏว่าหัวข้อดังกล่าวได้รับความสนใจจากองค์กรธุรกิจต่าง ๆ เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการถกถึงการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และให้เกิดการบริหารเชิงบูรณาการบนพื้นฐานของความโอบอ้อมอารี ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เนื่องจากแนวความคิดดังกล่าวมีเรื่องความเมตตากรุณาซึ่งกันและกันทั้งต่อคนในองค์กรและสังคม รวมทั้งผู้ที่มีความส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินธุรกิจ เพราะตามแนวคิดเรื่องความโอบอ้อมอารีนั้นไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น หรือพนักงานในองค์กรเท่านั้น แต่หมายรวมถึงทุกคนในสังคมและสิ่งแวดล้อม

“เรื่องความโอบอ้อมอารีไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่การทำงานภายใต้นโยบายการเอาประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจมองข้ามเรื่องดังกล่าวไป เมื่อถึงยุคที่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจ การมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องผลกำไรอาจไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน แต่จะต้องทำงานบนพื้นฐานของความมีคุณธรรมและจริยธรรม ทั้งกับบุคลากรและผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยสร้างความจงรักภักดีและความน่าเชื่อถือ ให้กับแบรนด์” ผศ.ดร.กฤษติกาให้ความเห็นและกล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่ศศินทร์เป็นสถาบันการศึกษาทางด้านบริหารธุรกิจเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับกลยุทธ์การทำงาน โดยการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กรให้มีความเข้มแข็ง มีความรักและสามัคคี เพราะถ้าทุกคนถูกดูแลและเอาใจใส่ภายใต้ความโอบอ้อมอารี จะช่วยทำให้เกิดความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อธุรกิจ และเชื่อว่าการบริหารธุรกิจภายใต้แนวคิดความโอบอ้อมอารี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความเข้มแข็งทั้งภายในและภายนอกองค์กร

ผศ.ดร.กฤษติกากล่าวเพิ่มเติมว่า การให้ความสำคัญกับกิจกรกรมเพื่อสังคม(CSR) ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีไม่น้อย แต่ CSR เป็นกิจกรรมปลายทางที่อาจไม่ได้ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจจะต้องหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับรูปแบบการทำงานที่เรียกว่า “โอบอ้อมอารี” เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก และสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้นและทำได้ตลอดไป และไม่ต้องรอให้เกิดผลกำไรเหมือนกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำกันปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ สามารถเริ่มต้นด้วยการเอาใจใส่ ให้อภัย รักและเคารพซึ่งกันและกัน หากผู้บริหารระดับสูงกระทำในสิ่งที่เรียกว่าความโอบอ้อมอารีกับผู้ใต้บังคับบัญชา สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้เกิดความประทับใจและพึงพอใจตามมา ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา