ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกและพาราลิมปิก ณ กรุงลอนดอน การตรวจสารกระตุ้นของนักกีฬานับเป็นขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งที่จะชี้ชะตาของนักกีฬา เพราะหากตรวจพบความผิดพลาดจากการใช้สารกระตุ้น ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ นักกีฬาผู้นั้นก็จะพลาดเหรียญไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา มีนักกีฬาที่เป็นโรคลมชักแอบกินยากลางบ้านเพื่อรักษาเพราะไม่กล้าบอกแพทย์ว่าป่วย เพราะกลัวถูกคัดออกจากทีม เมื่อมีการตรวจพบในภายหลังพบว่า ยากลางบ้านมีส่วนผสมของกัญชา ทำให้นักกีฬาต้องถูกยึดเหรียญคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับนักกีฬาที่ทุ่มเทกายและใจเพื่อการคว้าชัยชนะซึ่งสารต้องห้ามมีมากกว่า 3,000 ชนิดที่อาจเป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม และยารักษาโรคทั่วไป เช่นยาแก้หวัด หรือยารักษาความดัน ดังนั้น ความรู้เรื่องสารกระตุ้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับการตรวจสารกระตุ้นของนักกีฬาในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และกีฬาพาราลิมปิก 2012 The London Organising Committee of the Olympic Games and Paralympics Games (LOCOG) ได้แต่งตั้งให้บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ จีเอสเค เป็นผู้ดำเนินการตรวจสารกระตุ้นของนักกีฬา โดยศูนย์ปฏิบัติการวิจัยของจีเอสเค ณ กรุงลอนดอน ซึ่งได้รับการรับรองจาก World Anti-Doping Agency ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์และเทคโนโลยีอันทันสมัยและมีกระบวนการทดสอบและประมวลผลอย่างละเอียดด้วยความเร็วสูง ภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญจากทั่วโลกกว่า 150 คน ทำให้สามารถรองรับการตรวจสอบสารต้องห้ามของนักกีฬากว่า 6,000 คนได้ในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งนับเป็นการตรวจสารต้องห้ามของนักกีฬาจำนวนมากที่สุดที่เคยปรากฏในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
นายแพทย์วารินทร์ ตัณฑ์ศุภศิริ รองเลขาธิการ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ก่อนที่คณะนักกีฬาจะเดินทางไปลอนดอนนั้น ทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทยและสหพันธ์สมาคมกีฬาแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาไทยและนักกีฬาคนพิการไทยที่จะเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2012 โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านการเตรียมตัวทางด้านสุขภาพ การใช้ยาอย่างถูกต้อง ความรู้เกี่ยวกับสารกระตุ้น และการเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจของนักกีฬา
“นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและผู้เกี่ยวข้อง ควรทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับสารต้องห้าม เนื่องจากการใช้สารต้องห้ามในวงการกีฬาโลกถือเป็นปัญหาใหญ่ นักกีฬาควรมีความรู้ความเข้าใจในรายชื่อสารต้องห้าม ข้อปฏิบัติเมื่อถูกตรวจสารต้องห้าม รวมถึงการใช้ยาที่อาจมีส่วนประกอบของสารต้องห้ามต่างๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ เพราะหากตรวจพบนอกจากชื่อเสียงของตัวนักกีฬาแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้วย” นายแพทย์วารินทร์ กล่าว
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ คณะกรรมการพาราลิมปิกประเทศไทย กล่าวว่า การให้ความรู้ด้านการใช้สารกระตุ้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องที่จะได้ความรู้ความเข้าใจในรายชื่อสารต้องห้าม ข้อปฏิบัติเมื่อถูกตรวจสารต้องห้าม และการใช้ยาที่อาจมีส่วนประกอบของสารต้องห้ามต่างๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ช่วยให้นักกีฬาที่จะไปแข่งขันมีความพร้อมมากขึ้น ซึ่งความสำเร็จจากการแข่งขันของนักกีฬาจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างไม่ย่อท้อเหมือนกับทัพนักกีฬาของเราอย่างแน่นอน
นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือจีเอสเค กล่าวว่า แม้ว่านักกีฬาหลายๆคนจะทราบในเรื่องข้อห้ามของการใช้สารกระตุ้นมาบ้างแล้ว การจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เรื่องสารกระตุ้นจะช่วยทบทวนความรู้ความเข้าใจของนักกีฬา และสร้างความตระหนักให้แก่นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนให้การแข่งขันกีฬามีความโปร่งใส ตามมาตรฐานสากล โดยจีเอสเคมีความมุ่งมั่นที่จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การพัฒนาการกีฬา และทำให้การแข่งขันของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกมีความโปร่งใสที่สุด
ร้อยโทหญิง ปวีณา ทองสุก (ไก่) เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก กล่าวว่า นักกีฬาต้องรับผิดชอบตัวเองต้องให้ความใส่ใจในเรื่องสารกระตุ้น เพราะมีผลต่อร่างกายโดยตรง ต้องรู้กฎระเบียบของสารกระตุ้นว่าสารต้องห้ามมีอะไรบ้าง มีวิธีการอย่างไร เพราะสารกระตุ้นอาจมาทางอ้อม เช่น ยาแก้หวัด เป็นสิ่งจำเป็นที่นักกีฬาต้องเรียนรู้และเข้าใจ หากเป็นอะไรต้องปรึกษาแพทย์ประจำทีมก่อน อย่ากินยาเอง
“คำแนะนำสำหรับนักกีฬาที่ไปแข่งขัน เมื่อไปอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาร่วมกับนักกีฬาชาติอื่นๆ สิ่งที่ต้องระวัง เช่น อาหารที่ตักแล้วต้องทานเลย ห้ามนำมาวางที่โต๊ะถ้าไม่มีคนเฝ้า เพราะเราไม่รู้ว่า สารกระตุ้นจะมาในรูปแบบไหน เราต้องระวังตัว เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดได้ ในการแข่งขันระดับโลกอย่างโอลิมปิกนี้ นักกีฬาทุกคนมีความสามารถ มีความเป็นเลิศทุกคน ทุกคนมาเต็มร้อย เมื่อถึงเวลาการแข่งขันจะวัดกันที่จิตใจ ใครจะดึงความสามารถออกมา ถ้าคนมีความแข็งแรงเท่ากัน สภาพจิตใจจะสำคัญที่สุด ใครจะดึงความสามารถของตัวเองออกมา สมาธิจึงเป็นเรื่องสำคัญ ต้องกำจัดความตื่นเต้น ความกังวล ความกดดัน และความเครียดจากการคาดหวัง นักกีฬาจะต้องควบคุมตัวเองให้ดี”
นายณรงค์ แคสนั่น นักยกน้ำหนักคนพิการไทยที่คว้าเหรียญทองพาราลิมปิกที่ประเทศจีน และได้รับคัดเลือกไปแข่งขันพาราลิมปิก ณ กรุงลอนดอนในครั้งนี้ กล่าวว่า รู้สึกกดดัน เพราะต้องแข่งกับเวลาในการเตรียมตัวสำหรับการไปแข่งขันระดับโลก ต้องมีความพร้อมทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุด ในเรื่องของสารกระตุ้น จะต้องมีความรู้ความเข้าใจ เพราะสารกระตุ้นมาจากหลายทาง หากมีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย ต้องปรึกษาแพทย์วิทยาศาสตร์การกีฬาโดยเฉพาะ เมื่อไปแข่งขัน ต้องระวังตัวเรื่องอาหารและน้ำ
ซึ่งนักยกน้ำหนักคนพิการไทยทิ้งท้าย ขอให้คนไทยทุกคนร่วมเชียร์และสนับสนุนนักกีฬาคนพิการไทยด้วย
ในฐานะคนไทยทุกคน เรามาร่วมเป็นกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทยและนักกีฬาคนพิการไทยทุกคน ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2012 ณ กรุงลอนดอน
นายมนตรี ไชยพันธุ์ (ขวา) รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์
การกีฬา) นพ.วารินทร์ ตัณฑ์ศุภศิริ (ที่ 2 จากขวา) รองเลขาธิการ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ นายวิริยะ จงไพศาล (ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท
แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือจีเอสเค ร่วมจัดกิจกรรม “ส่งเสริมสุขภาพของนักกีฬาไทย เตรียมความพร้อมสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012” โดยมี มร. อาซีฟ อาหมัด (กลาง) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และนายธนา ไชยประสิทธิ์ (ซ้าย) หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ให้เกียรติร่วมงาน
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ คณะกรรมการพาราลิมปิกประเทศไทย และนางโสมรสา
พงษ์เพิ่มพฤกษ์ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาไทยและนักกีฬาคนพิการไทยที่จะเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012
ช่วงสาธิตการตรวจสารกระตุ้นของนักกีฬาในการแข่งขัน