ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จึงได้วางแนวทางปฏิบัติในการยื่นคำร้องขอผัดฟ้องว่าต้องนำตัวเด็กหรือเยาวชนมาศาลทุกครั้ง ในกรณีเด็กและเยาวชนซึ่งศาลมีคำสั่งให้สถานพินิจฯ ควบคุม โดยสถานพินิจฯ ที่ไม่มีสถานแรกรับต้องส่งเด็กและเยาวชนไปควบคุมตัวในสถานพินิจฯ ที่มีแรกรับ เมื่อมีการผัดฟ้องสถานพินิจฯ จึงมีหน้าที่ต้องนำเด็กหรือเยาวชนมาศาลทุกครั้ง ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางรับส่งเด็กและเยาวชนและอาจมีความเสี่ยงในเรื่องการหลบหนีระหว่างเดินทาง และอาจมีผลเสียต่อสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนอีกด้วย
จากสาเหตุข้างต้นประกอบกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2554 มีหลักการสำคัญที่กำหนดให้เด็กและเยาวชนมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองจากกระบวนการพิจารณาอย่างเหมาะสม กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จึงได้ดำเนินการประสานความร่วมมือจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการใช้ “ระบบผัดฟ้องทางไกลผ่านจอภาพ” (Video Conference) ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และลดระยะเวลาในการปฏิบัติงานด้านกระบวนการผัดฟ้องระหว่างศาลเยาวชนฯ กับกรมพินิจฯ โดยในระยะแรกได้มีการดำเนินการในระบบผัดฟ้องฯ ดังกล่าวแล้วระหว่างสถานพินิจฯ กรุงเทพมหานคร กับศาลเยาวชนฯ ส่วนในระยะที่สอง จะได้ดำเนินการในระบบดังกล่าวระหว่างศาลเยาวชนฯ แต่ละจังหวัด กับสถานสถานพินิจฯ แต่ละจังหวัดต่อไป
ในการนี้ จะได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการใช้ระบบผัดฟ้องทางไกลผ่านจอภาพ ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในวันพุทธที่ 8 พฤษภาคม 2556 เวลา 10.00 — 12.00 น. ณ ห้องประชุม 72 พรรษา มหาราชินี ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร