สำหรับเป้าหมายหลักของความร่วมมือดังกล่าว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับในอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้งและอาหารทะเลของไทยตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเพื่อขายภายในประเทศและเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในโครงการดังกล่าว จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทในเครือของเราที่อยู่ในต่างประเทศอาทิเช่นในทวีปอเมริกา และยุโรปด้วย ซึ่งพร้อมปฏิบัติเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
“ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯยึดมั่นในหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมทางธุรกิจอย่างเคร่งครัด มีการดูแลและควบคุมการดำเนินงานในทุกหน่วยงานของเรา ตลอดจนห่วงโซ่การผลิตของเราต้องมีการปฏิบัติต่อแรงงานที่ดี และต้องไม่มีการใช้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้บริษัทฯมีความมุ่งมั่นและปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานที่ดีเสมอด้วยแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่า เรามีการดูแลพนักงานและมีวิธีการปฏิบัติต่อแรงงานตามหลักจริยธรรมสากล”
"การปฏิบัติตามหลักจริยธรรมสากลถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานทั่วโลกของเรา เป็นการสร้างมูลค่าทางธุรกิจและมูลค่าทางสังคมผ่านการปฏิบัติที่ดีซึ่งย่อมส่งผลให้บริษัทฯและผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของเราได้รับความไว้วางใจในฐานะการเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลที่ได้คุณภาพสูงและมีมาตรฐานความปลอดภัย อีกทั้งยังทำให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจในการลงทุนกับบริษัทฯรวมถึงการเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และที่สำคัญที่สุดคือ การเป็นองค์กรในฝันของพนักงานของเรากว่า 32,000 คนทั่วโลกที่ทุกคนภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมสร้างธุรกิจที่มีจรรยาบรรณ” นายธีรพงศ์กล่าว
สำหรับหนังสือแสดงเจตจำนงนี้ เป็นจะกรอบความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการแต่ละแห่งที่จะร่วมกันปฏิบัติตามตามกฎหมายแรงงานไทย และมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ เพื่อให้มีสภาพการทำงานที่ดีขึ้น รวมถึงการปรับปรุงสภาพสถานที่ทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานจริงและยังระบุถึงหลักการการประเมินตนเองของผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามคู่มือแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม
มร. มอริซิโอ บุซซี(Mr. Maurizio Bussi)รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ ประจำกลุ่มประเทศไทย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวถึงการลงนามครั้งนี้ว่า “เป็นที่น่าชื่นชมมากที่บริษัทไทยอย่างทียูเอฟ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ระดับโลกให้การสนับสนุนอย่างจริงจังเรื่องมาตรฐานการจัดการด้านแรงงานที่ดี และพร้อมทำงานร่วมกับเรา เพื่อผลักดันการปรับปรุงมาตรฐานด้านแรงงานของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ผมหวังว่า ทียูเอฟจะเป็นตัวอย่างที่ดี และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการไทยรายอื่นๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการกับปัญหาแรงงานเด็ก และปัญหาการปฏิบัติต่อแรงงานในรูปแบบอื่นๆของอุตสาหกรรมอาหารทะเล”
“สำหรับการทำงานครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชนอย่าง ทียูเอฟรัฐบาลไทย องค์การระหว่างประเทศ (ILO) องค์กรภาคแรงงาน ภาคประชาสังคม และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้เห็นมาตรฐานการจัดการด้านแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้นมีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะนำไปสู่การสนับสนุนการคุ้มครองแรงงานในประเทศที่ชัดเจนมากขึ้นและจะนำไปสู่การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”มร. บุซซีกล่าว
ด้วยปณิธานอย่างมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานด้านแรงงานที่ดี บริษัทฯยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่ดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลแบบเต็มรูปแบบ มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้และต้องสอดคล้องกับมาตรฐานด้านจริยธรรมสากล โดยเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2556 บริษัทได้ประกาศเข้าร่วมข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค และยังเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารของไทยบริษัทแรกที่เข้าร่วมเป็นภาคี ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องต่อหลักปฏิบัติสากล 10 ข้อที่ครอบคลุมเรื่องสิทธิมนุษยชน มาตรฐานแรงงาน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริตปัจจุบันมีเพียง 30บริษัทไทยที่เข้าร่วมข้อตกลงสากลฯ ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการก้าวไปอีกขั้นของการแข่งขันกับตลาดโลกของอุตสาหกรรมประมง อาหารแปรรูปของไทย และอุตสาหกรรมอื่นๆ ของไทยในวงกว้าง
“สำหรับทียูเอฟและพนักงานของเรา รวมถึงบริษัทฯในเครือต่างๆ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามแนวทางการใช้แรงงานที่ดี และเรายึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ ทุกๆ กระบวนการทำงานของเราตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอยู่บนบรรทัดฐานของการทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม” นายธีรพงศ์ กล่าวสรุป