เกษตรกรเมืองชัยภูมิ เผยพริกรังสิมา พลิกชีวิต เพิ่มผลผลิต ทนต่อโรค สร้างรายได้หลายแสน

จันทร์ ๒๓ กันยายน ๒๐๑๓ ๑๔:๕๘
ลุงสนั่น สะไรรัมย์ เกษตรกรเมืองชัยภูมิเผยพริกรังสิมา พลิกชีวิตเก็บได้กว่า 10-12 ครั้ง ลูกดก ผลใหญ่ เก็บเกี่ยวง่าย ได้ผลผลิตเยอะ ทนต่อโรค ปีนี้สร้างรายได้ให้ครอบครัวหลายแสน

ผลผลิตของพริกที่ออกสู่ตลาดในช่วงต้นปี ส่วนใหญ่จะมาจากอีสานตอนบนหลังจากนั้นจึงไล่ลงมาทางอีสานตอนล่างมาถึงจังหวัดชัยภูมิซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกพริกมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศโดยแหล่งปลูกใหญ่จะอยู่ในอำเภอเทพสถิต ซึ่งมีพื้นที่ปลูกพริกกว่า 4,000 ไร่ ถือเป็นแหล่งที่มีผลิตพริกขึ้หนูสดป้อนตลาดในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมมากที่สุด

แม้เกษตรกรในจังหวัดชัยภูมินิยมปลูกพริกจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่ยังคงประสบปัญหาในเรื่องผลผลิตต่อไร่ต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง ปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลงที่เข้ามารบกวนที่ส่งผลถึงคุณภาพของพริกและผลผลิตที่ต่ำลงด้วยทั้งนี้ คุณลุงสนั่น สะไรรัมย์ หนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกพริกในจังหวัดชัยภูมิได้บอกเล่าถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในการจัดการในสวน รวมถึงการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี เพื่อเหมาะสมกับสภาพพื้นที่เพาะปลูกที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถพลิกชีวิตชาวสวน ลดปัญหาเรื่องโรคและแมลงและช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ที่มากขึ้น

ลุงสนั่นเล่าให้ฟังว่า มีพื้นที่ทั้งหมด 28 ไร่ 3 งาน ได้แบ่งพื้นที่สำหรับปลูกข้าวโพด ปลูกมันสำปะหลัง และทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ สำหรับการปลูกพริกได้เริ่มปลูกเมื่อปี 2555 จำนวน 3 ไร่พร้อมๆ กับเพิ่มระบบน้ำหยดเข้ามาใช้ในสวนเนื่องจากเดิมชาวสวนพริกต้องพึ่งพิงน้ำจากน้ำฝนหรือไม่ก็ต้องตักน้ำหรือลากสายยางรดน้ำเพื่อพยุงต้นพริกให้พ้นความแห้งแล้ง และเมื่อได้เห็นเพื่อนบ้านนำระบบน้ำมาใช้จึงได้ลองนำมาใช้บ้างผลที่ได้ทำให้ต้นพริกเจริญเติบโตดี และให้ผลผลิตดีตามมาด้วย และในปีนี้ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ติดระบบน้ำเพราะหลังจากปลูกพริกไปเกิดภาวะแห้งแล้งเป็นเดือนถ้าไม่ใช้ระบบน้ำต้นพริกจะตายและคงไม่ได้เก็บผลผลิตเหมือนตอนนี้แน่นอน

“เมื่อเทียบการปลูกมันสำปะหลัง และข้าวโพดจะเก็บผลผลิตแค่ครั้งเดียวก็จบแต่การปลูกพริกเราสามารถเก็บได้ถึง 10-12 ครั้ง สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างต่อเนื่องและมีรายได้ให้มากกว่าพืชชนิดอื่นๆ ที่เคยปลูกมา โดยในปีนี้ได้ขยายพื้นที่ปลูกพริกเพิ่มขึ้นเป็น 7 ไร่”

แล้วจะปลูกและการจัดการพริกอย่างไร ให้ได้คุณภาพดีและราคาดีลุงสนั่นบอกว่าการปลูกพริกควรเริ่มเพาะต้นกล้าแปลงเพาะในช่วงเดือนมีนาคมโดยไร่นี้จะใช้เมล็ดพันธุ์พริกสายพันธุ์รังสิมา จากเจียไต๋ ในอัตราเฉลี่ย 2 ไร่ต่อ 3 กระป๋องและจะย้ายต้นกล้าลงในแปลงปลูกที่อายุ 25-30 วันถ้าต้นกล้าอายุเกิน 1 เดือนไปแล้วต้นกล้าจะแก่เกินไปไม่เหมาะแก่การปลูกเพราะพริกรังสิมาอายุการออกดอกหลังย้ายกล้าเพียงหนึ่งเดือนและอายุเก็บเกี่ยวเร็ว(เก็บผลเขียว 65-70 วัน)ต้องทำการย้ายกล้าให้เร็วเพื่อที่พริกเลี้ยงต้นให้พุ่มใหญ่ก่อนที่จะเริ่มติดดอกออกผลจะทำให้ได้ผลผลิตที่ดีตามมา ถ้าหากมีการย้ายกล้าเกินหนึ่งเดือนต้นพริกจะแคระ พุ่มเล็ก ติดผลได้น้อยกว่ามาก

ในการปลูกจะใช้ระยะห่างระหว่างต้น 40 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถว 120 เซนติเมตร แต่ถ้าจะให้ดีควรจะใช้ระยะห่างระหว่างต้นที่ 50-60เซนติเมตรเพื่อให้แปลงโปร่งจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคได้และสายพันธุ์รังสิมาเป็นพริกที่ทรงพุ่มแผ่กว้างต่างพันธุ์อื่นๆโดยก่อนปลูกจะรดน้ำในแต่ละหลุมก่อนนำต้นกล้ามาปลูกและหลังจากปลูกเสร็จจะรดน้ำตามอีกครั้งเพื่อให้ต้นกล้าพริกตั้งตัวได้เร็วขึ้น หลังจากนั้นจะเปิดให้น้ำผ่านระบบน้ำหยดทุกวัน ส่วนการให้ปุ๋ยจะให้ปุ๋ยเคมีตรากระต่าย สูตร 13-13-21 ใส่ ทุกๆ 15วัน นอกจากการใส่ปุ๋ยเคมีแล้วจะเน้นใส่ปุ๋ยคอกที่ได้จากมูลวัวที่เลี้ยงไว้จะทำให้พริกสวยเม็ดใหญ่(อยู่ในขั้นตอนการเตรียมดิน คือควรใช้ปุ๋ยคอกตอนไถพรวนและขึ้นแปลง)

“ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลเขียว 65-70 วันและสามารถเก็บพริกแดงครั้งแรกเมื่อพริกอายุ 80-90 วัน หลังจากย้ายต้นกล้าการเก็บพริกเขียวพริกรังสิมานั้นสามารถเก็บผลผลิตครั้งแรกเร็วกว่าพริกสายพันธุ์อื่นๆ 7-10 วัน และสามารถเก็บในรอบถัดไปได้ 12-14 วัน เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นที่เคยปลูกมาจะเก็บผลผลิตในรอบถัดไปได้ 17-18 วันซึ่งสายพันธุ์รังสิมารอบการเก็บผลเขียวเร็วกว่าพันธุ์พริกเดิมที่เคยปลูกในปีที่แล้ว การเก็บพริกแดงรอบการเก็บที่ 3 วัน โดยผลผลิตที่ได้แล้วซึ่งยังสามารถเก็บเกี่ยวได้ต่อไปอีกเพราะ ต้นยิ่งโตยิ่งให้ผลผลิตมากขึ้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอด 6 เดือนเลยทีเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาที่ดีด้วยเช่นกัน”

นอกจากนี้ ผลผลิตพริกที่ออกในช่วงฤดูฝนแบบนี้มักพบเชื้อรา จะฉีดสารเคมีบ้าง(ใช้เทนเอ็ม 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร)เพื่อป้องกันเชื้อราและเมื่อพบการระบาดของโรคต้องฉีดพ่นสารเคมีกำจัดเชื้อรา แต่ข้อดีของพริกรังสิมาที่ปลูกนั้น เป็นพริกที่ทนต่อโรคใบแก้ว(โรคไวรัสใบด่างประเหลือง)มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆจึงลดการใช้สารเคมีแต่ก็มีการฉีดพ่นแมลงพวกแมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟที่เป็นสาเหตุของโรคไวรัสคุมไว้ตลอดและหากมีการฉีดพ่นสารเคมีก็สะดวกและทั่วถึงเนื่องจากพริกรังสิมามีลักษณะใบเล็กไม่บังผลและดอก นอกจากนี้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการสะสมของโรคพืชที่สวนจะปลูกพืชแบบผสมสาน โดยหลังจากปลูกพริกแล้วจะสลับสับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดหรือมันสำปะหลังบ้างนอกจากจะลดอัตราการสะสมของเชื้อโรคแล้วยังเป็นการลดความเสี่ยงในเรื่องรายได้เนื่องจากราคาพืชบางอย่างไม่ดีผลผลิตอีกชนิดจะได้เข้ามาแทนที่กันได้

“การปลูกและดูแลพริกในพื้นที่ 7 ไร่นี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 2 แสนบาทตอนนี้ขายได้ประมาณ 4 แสนบาท แม้จะเปลี่ยนพันธุ์พริกแล้วให้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นแต่รายได้กลับน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากราคาพริกในปีนี้ไม่ค่อยดี เคยขายพริกแดงได้ราคาสูงสุดกิโลกรัมละ 40 บาท ปัจจุบันขายหน้าสวนกิโลกรัมละ 30-35 บาท ส่วนราคาพริกเขียว ราคากิโลกรัมละ 18 บาท ซึ่งราคาพริกปีที่แล้วสูงถึงกิโลกรัมละ 50-60บาท

“ผมเคยปลูกพริกรังสิมาเทียบกับพันธุ์อื่นแบบต้นต่อต้น พบว่าพริกรังสิมาจะมีทรงพุ่มต้นจะมีแขนงเยอะ ติดลูกดก ใหญ่ ผลผลิตสูง สีสวย รสชาติ จัดจ้าน เก็บเกี่ยวได้เร็ว ใบเรียวเล็ก สามารถทำให้สภาพแปลงโปร่งทำให้ความชื้นน้อยลดอัตราการเกิดโรคได้และต้านทานโรค คนงานที่เก็บพริกจะบอกว่าพริกพันธุ์นี้ผลยาว ลูกใหญ่ ขั้วเปราะ ทำให้เก็บเกี่ยวง่าย”ลุงสนั่น กล่าวทิ้งท้าย

กัญญา รอตเสียงล้ำ ผู้จัดการส่วนปรับปรุงพันธุ์พืชธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัดกล่าวว่าเจียไต๋ให้ความสำคัญกับพื้นที่การปลูกพริกเป็นอย่างมากโดยได้พัฒนาสายพันธุ์พริกที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศกว่า 30 สายพันธุ์ อาทิ พริกหยวก สายพันธุ์ปากคลอง192 พริกขี้หนูดวงมณี 004พริกขึ้นหนูขาวยาวมณีทอง1094พริกขี้หนูขาวปุ้มออเร็นท์คิง014พริกหยกสยาม1059 หยกสวรรค์1060 เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาพันธุ์พริกขี้หนูในชื่อ “พริกขี้หนูลูกผสมพันธุ์รังสิมา”ซึ่งหลังได้รับการส่งเสริมให้เกษตรกรทั่วทุกภาค รวมทั้งในพื้นที่อีสานตอนบนและอีสานตอนล่างปลูกทำให้พริกสายพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับของเกษตรกรเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยคุณสมบัติที่ทำให้เกษตรกรนิยมปลูก คือ เป็นสายพันธุ์พริกที่ให้ผลผลิตสูงมาก มีความทนทานต่อโรคและแมลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาฝนแล้งทำให้อากาศร้อนแห้งทำให้มีการระบาดของแมลงหวี่ขาวที่เป็นสาเหตุของโรคไวรัสใบด่างประเหลือง(ที่เกษตรกรเรียกว่าโรคใบแก้ว) พริกรังสิมาทนกับโรคนี้ได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่นโดยลักษณะผลของพริกรังสิมาจะมีผลสีเขียว ผิวเรียบตึง เป็นมันวาว ผลสุกสีแดงสดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผลประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 7 ซม. น้ำหนักเฉลี่ย 3 กรัมต่อผล เมื่อเก็บผลผลิตครั้งต่อๆไปก็ให้ผลผลิตดีไม่มีตก มีการเปลี่ยนแปลงขนาดผลน้อย(ไม่หดสั้น)ในช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ทำให้ได้ราคาดี มีรสเผ็ดจัดจ้านและมีกลิ่นหอม กว่าพริกขึ้นหนูสายพันธุ์ทั่วๆ ไป ทำให้ขายผลผลิตได้ราคาดีมากจนเป็นที่นิยมต่อเกษตรกร”

สำหรับเกษตรกรที่สนใจเมล็ดพันธุ์ “พริกขี้หนูลูกผสมพันธุ์รังสิมา” สามารถติดต่อหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2810 3031- 7 ต่อ 136 หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.chiataigroup.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4